จัดฟันอุบล รอยยิ้มสดใส ให้เราดูแล

การจัดฟันเป็นกระบวนการทางทันตกรรมที่มีความสำคัญในการปรับปรุงความสวยงามของฟันและสุขภาพช่องปากให้ดีขึ้น การจัดฟันไม่เพียงแต่ทำให้ฟันเรียงตัวเป็นระเบียบ แต่ยังช่วยให้ฟันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสึกกร่อนของฟัน และป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากในอนาคต

ฟันแบบไหนที่ต้องจัด?

การจัดฟันเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาฟันไม่ตรง หรือฟันซ้อนเกที่ทำให้การบดเคี้ยวอาหารไม่สะดวก หรือมีผลต่อการพูด การหายใจ หรือความมั่นใจในตัวเอง ฟันที่ต้องการการจัดฟันมักจะมีลักษณะดังนี้:

  • ฟันซ้อนเก: ฟันที่ไม่สามารถเรียงตัวได้ดี อาจจะเกิดจากการขาดที่ว่างในปาก
  • ฟันเหยินหรือฟันเก: ฟันที่ยื่นออกมามากกว่าปกติ ส่งผลให้ใบหน้าดูไม่สมดุล
  • ฟันกระตุก: ฟันที่มีการสบกันไม่พอดี หรือฟันบนและฟันล่างไม่สามารถสัมผัสกันได้อย่างสมบูรณ์
  • การสบฟันไม่ปกติ: การที่ฟันบนและล่างไม่สบกันเป็นปกติ เช่น ฟันล่างยื่นออกมาเกินฟันบน (Underbite) หรือฟันบนยื่นออกมาเกินฟันล่าง (Overbite)

อายุเท่าไหร่ถึงจะจัดฟันได้?

การจัดฟันสามารถเริ่มได้ตั้งแต่อายุประมาณ 12-14 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ฟันแท้ของเด็กๆ มาเต็มที่และกระดูกขากรรไกรยังมีความยืดหยุ่นเพียงพอในการปรับรูปทรง แต่ในบางกรณี เช่น ปัญหาที่มีความรุนแรง หรือเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้นก็สามารถจัดฟันได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าการจัดฟันในวัยผู้ใหญ่จะใช้เวลาและขั้นตอนที่นานขึ้น เนื่องจากกระดูกขากรรไกรแข็งแรงแล้ว

ประเภทของการจัดฟัน

การจัดฟันมีหลากหลายแบบ โดยแต่ละแบบก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการและความสะดวกของแต่ละคน

  1. การจัดฟันแบบโลหะ (Traditional Braces)
    การจัดฟันแบบโลหะเป็นวิธีการที่ใช้กันอย่างแพร่หลายและนิยมในหมู่ผู้ที่มีปัญหาฟันเยอะที่สุด โดยการใช้ลวดและเครื่องมือโลหะในการดึงฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง แม้ว่าจะไม่ค่อยสวยงาม แต่มีประสิทธิภาพสูงในการแก้ไขปัญหาฟันซ้อนเกและฟันเหยิน
  2. การจัดฟันแบบเซรามิค (Ceramic Braces)
    การจัดฟันแบบนี้คล้ายกับการจัดฟันโลหะ แต่เครื่องมือจะทำจากเซรามิค ซึ่งมีสีใกล้เคียงกับสีฟัน ทำให้ดูสวยงามและไม่สังเกตเห็นได้ง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่อยากให้ใครเห็นเครื่องมือจัดฟันมากเกินไป
  3. การจัดฟันแบบใส (Clear Aligners)
    การจัดฟันแบบใส หรือ Invisalign เป็นการใช้แผ่นพลาสติกใสที่ถูกออกแบบมาให้เข้ากับฟันทุกๆ ชิ้น ซึ่งสามารถถอดออกได้เมื่อกินอาหารหรือทำความสะอาดฟัน อย่างไรก็ตาม การจัดฟันแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันไม่ซับซ้อนมากและต้องการความสะดวกในการดูแล
  4. การจัดฟันแบบล่องหน (Lingual Braces)
    การจัดฟันแบบล่องหนจะใช้เครื่องมือจัดฟันที่ติดอยู่ด้านในของฟัน ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้จากภายนอก ทำให้การจัดฟันแบบนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูง หรือผู้ที่ไม่ต้องการให้เห็นเครื่องมือจัดฟัน

การดูแลหลังการจัดฟัน

หลังจากการจัดฟันเสร็จสิ้น จะมีขั้นตอนการดูแลที่สำคัญเพื่อให้ผลการจัดฟันออกมาดีที่สุดและฟันคงที่ในระยะยาว

  1. การแปรงฟัน
    การแปรงฟันจะยากขึ้นเล็กน้อยเมื่อมีเครื่องมือจัดฟัน เพราะฟันจะมีเครื่องมือมาขวางอยู่ ดังนั้นจึงต้องใช้แปรงฟันที่มีขนแปรงนุ่มและแปรงให้ทั่วถึงทุกจุด รวมถึงการใช้แปรงซอกฟันเพื่อทำความสะอาดระหว่างเครื่องมือจัดฟัน
  2. การใช้ไหมขัดฟัน
    การใช้ไหมขัดฟันจะช่วยให้สามารถทำความสะอาดฟันในที่ที่แปรงฟันไม่สามารถเข้าถึงได้ หลังจากทานอาหารทุกมื้อควรใช้ไหมขัดฟันเพื่อป้องกันการสะสมของคราบพลัค
  3. การหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด
    ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่เหนียว หรือมีความแข็ง เช่น ข้าวโพดคั่ว หมากฝรั่ง หรืออาหารแข็งที่อาจทำให้เครื่องมือจัดฟันหลุดหรือเสียหาย
  4. การเข้าพบหมอฟันตามกำหนด
    ควรไปพบทันตแพทย์ตามนัดเพื่อทำการปรับเครื่องมือให้เหมาะสมกับการเปลี่ยนแปลงของฟันตลอดระยะเวลาการจัดฟัน

ระยะเวลาในการจัดฟัน

การจัดฟันไม่ใช่กระบวนการที่สามารถทำได้เพียงแค่ชั่วข้ามคืน โดยทั่วไปแล้วการจัดฟันจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาฟันและชนิดของการจัดฟันที่เลือกใช้ ในบางกรณีที่มีปัญหาฟันซ้อนเกหรือฟันเหยินมาก อาจใช้เวลานานกว่านั้น

สรุป

การจัดฟันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการปรับปรุงรูปแบบของฟันให้ดูดีและสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการเลือกวิธีการจัดฟันที่เหมาะสมกับสภาพฟันและความสะดวกของแต่ละคนเป็นสิ่งสำคัญ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่ดีที่สุดและได้รับคำแนะนำในการดูแลฟันหลังการจัดฟัน เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืนในระยะยาว.