การจัดฟันเป็นการรักษาที่หลายๆ คนเลือกใช้เพื่อปรับความเรียงของฟันให้สวยงามและเรียบร้อย แต่ในปัจจุบันเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางทันตกรรมได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ทำให้การจัดฟันมีตัวเลือกมากมาย หนึ่งในนั้นคือ “การจัดฟันใส” ซึ่งเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เนื่องจากมีความสะดวกสบายมากกว่าและสามารถตอบโจทย์การดูแลสุขภาพฟันได้ดีกว่าในหลายๆ ด้าน
การจัดฟันใสคืออะไร?
การจัดฟันใส หรือที่เรียกว่า Invisalign คือการใช้เครื่องมือจัดฟันที่เป็นแผ่นพลาสติกใส ที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคลเพื่อตอบสนองการเคลื่อนที่ของฟันแต่ละคน เครื่องมือจัดฟันนี้ถูกทำให้โปร่งใสและมีลักษณะคล้ายกับปากกาปิดที่ไม่เห็นเมื่อสวมใส่ ซึ่งแตกต่างจากการจัดฟันแบบโลหะทั่วไปที่มักจะทำให้ฟันดูเป็นเครื่องมือที่ชัดเจนและไม่น่าสบาย
ข้อดีของการจัดฟันใส
1. ความสะดวกสบายในการใช้งาน เครื่องมือจัดฟันใสสามารถถอดออกได้ง่าย ทำให้ผู้ที่จัดฟันสามารถถอดเครื่องมือเมื่อรับประทานอาหารหรือทำความสะอาดช่องปากได้ง่ายกว่า การจัดฟันแบบโลหะซึ่งต้องคอยระมัดระวังไม่ให้หลุดหรือบาดเหงือกและเนื้อเยื่อภายในช่องปาก
2. ความสวยงาม เนื่องจากเครื่องมือจัดฟันใสมีความโปร่งใส จึงไม่เห็นได้ชัดเมื่อสวมใส่เหมือนกับเครื่องมือจัดฟันโลหะที่มักจะมีลวดและเหล็กปรากฏให้เห็น ดังนั้นการจัดฟันใสจึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกและไม่ต้องการให้การจัดฟันกลายเป็นสิ่งที่เด่นชัดบนใบหน้า
3. ใช้งานง่าย การจัดฟันใสไม่จำเป็นต้องมีการปรับหรือไปพบทันตแพทย์บ่อยๆ เท่ากับการจัดฟันแบบโลหะ โดยปกติแล้ว ผู้ที่ใช้การจัดฟันใสมักจะไปพบทันตแพทย์ทุก 6-8 สัปดาห์ ซึ่งในระหว่างนี้สามารถเปลี่ยนเครื่องมือเองที่บ้านตามคำแนะนำของทันตแพทย์
4. ลดความเจ็บปวด การจัดฟันใสมีการเคลื่อนที่ของฟันที่ค่อยๆ เป็นไปอย่างนุ่มนวล โดยไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บหรือปวดที่เหงือกเหมือนการจัดฟันแบบโลหะที่อาจเกิดการเสียดสีและระคายเคือง
5. สุขอนามัยช่องปากที่ดีขึ้น การจัดฟันใสสามารถถอดออกได้ง่าย ทำให้สามารถแปรงฟันและทำความสะอาดได้สะดวกกว่า ลดโอกาสในการสะสมของคราบแบคทีเรียหรือเศษอาหารที่อาจติดอยู่ระหว่างลวดหรือเหล็กของเครื่องมือจัดฟันแบบโลหะ
วิธีการทำงานของการจัดฟันใส
การจัดฟันใสเริ่มต้นด้วยการพบทันตแพทย์ที่เชี่ยวชาญในการจัดฟัน เพื่อทำการตรวจประเมินสภาพฟันของคุณ โดยทันตแพทย์จะใช้เทคโนโลยี 3D และการสแกนช่องปากเพื่อสร้างแบบจำลองของฟัน จากนั้นจะทำการออกแบบเครื่องมือจัดฟันที่เหมาะสมกับฟันของคุณ ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้จะถูกผลิตขึ้นโดยการใช้เครื่องพิมพ์ 3D เพื่อให้ได้ความพอดีและแม่นยำที่สุด
เครื่องมือจัดฟันใสจะต้องเปลี่ยนไปตามลำดับทุก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้การเคลื่อนที่ของฟันเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติและค่อยๆ ปรับสภาพฟันไปตามแผนการรักษาที่ทันตแพทย์กำหนด
การดูแลรักษาเครื่องมือจัดฟันใส
การรักษาความสะอาดของเครื่องมือจัดฟันใสเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะหากเครื่องมือไม่สะอาดอาจทำให้เกิดการสะสมของคราบแบคทีเรียหรือส่งผลต่อสุขภาพช่องปาก การทำความสะอาดเครื่องมือจัดฟันใสสามารถทำได้โดยการล้างด้วยน้ำอุ่นและแปรงฟันเบาๆ ในช่วงเวลาที่ไม่ได้สวมใส่เครื่องมือ หรือสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ออกแบบมาสำหรับการจัดฟันใสโดยเฉพาะ
ข้อเสียของการจัดฟันใส
แม้การจัดฟันใสจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณา:
- ไม่เหมาะกับทุกกรณี: สำหรับผู้ที่มีปัญหาฟันซ้อนเก หรือฟันที่มีปัญหามากๆ เช่น ฟันล่างที่ยื่นมาก หรือฟันบนที่มีลักษณะผิดปกติอย่างมาก การจัดฟันใสอาจไม่เหมาะสมและอาจต้องใช้วิธีการจัดฟันแบบโลหะ
- ราคา: การจัดฟันใสมักจะมีราคาที่สูงกว่า การจัดฟันแบบดั้งเดิม เนื่องจากการผลิตเครื่องมือและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมีต้นทุนที่สูง
สรุป
การจัดฟันใสเป็นทางเลือกที่ทันสมัยและเหมาะสมสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปแบบของฟันให้สวยงามโดยไม่ต้องทนกับเครื่องมือจัดฟันที่ดูเด่นชัดและอาจทำให้รู้สึกไม่สบาย การจัดฟันใสไม่เพียงแต่ช่วยให้ฟันสวย แต่ยังทำให้การดูแลช่องปากเป็นไปได้ง่ายขึ้น ด้วยความสะดวกสบายและความสวยงามที่ไม่เหมือนใคร อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้การจัดฟันใสควรได้รับคำแนะนำจากทันตแพทย์เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพฟันและการดูแลของคุณมากที่สุด
หากคุณกำลังมองหาทางเลือกใหม่ในการจัดฟันที่ทั้งทันสมัยและสะดวกสบาย การจัดฟันใสอาจเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ และไม่ต้องห่วงเรื่องความสวยงาม เพราะคุณสามารถรักษาฟันให้สวยงามโดยไม่ต้องเสียความมั่นใจในระหว่างการรักษา