จัดฟันแบบโลหะ
การจัดฟันแบบโลหะหรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “จัดฟันแบบโลหะ” เป็นการจัดฟันประเภทหนึ่งที่ใช้วัสดุเป็นโลหะ โดยการติดลวดและแบร็กเก็ตไว้บนผิวหน้าของฟัน วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่เป็นที่นิยมมากที่สุดเพราะราคาเข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพในการเคลื่อนฟันให้เข้าที่ นอกจากนี้ยังเหมาะกับปัญหาการเรียงตัวของฟันที่หลากหลาย เช่น ฟันซ้อนเก ฟันห่าง หรือการสบฟันที่ไม่เหมาะสม
ข้อดีของการจัดฟันแบบโลหะ
- ราคาไม่สูง เมื่อเทียบกับการจัดฟันประเภทอื่น ๆ เช่น จัดฟันแบบใส หรือแบบดามอน
- มีประสิทธิภาพ ในการเคลื่อนฟันที่ซับซ้อนได้ดี
- สามารถเลือกสี ของยางที่ใช้รัดลวดและแบร็กเก็ตได้ ทำให้มีความน่าสนใจสำหรับวัยรุ่น
ข้อเสียของการจัดฟันแบบโลหะ
- ดูสะดุดตา อาจทำให้บางคนรู้สึกไม่มั่นใจ
- มีการเสียดสี ระหว่างแบร็กเก็ตและเนื้อเยื่อในช่องปาก ทำให้ระคายเคืองได้บ้าง
- ต้องดูแลเป็นพิเศษ การแปรงฟันและทำความสะอาดต้องละเอียดเพื่อป้องกันฟันผุและเหงือกอักเสบ
การจัดฟันแบบโลหะเหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีในราคาที่ประหยัด แต่ก็ควรพร้อมในการดูแลช่องปากอย่างสม่ำเสมอ
จัดฟันแบบเหล็กใช้เวลากี่ปี
การจัดฟันแบบโลหะหรือแบบเหล็กใช้เวลาประมาณ 1.5 – 3 ปี ขึ้นอยู่กับปัญหาฟันของแต่ละบุคคล โดยปัจจัยที่มีผลต่อระยะเวลาในการจัดฟันมีดังนี้:
- สภาพฟันเริ่มต้น – ถ้าฟันมีความซ้อนเกมากหรือตำแหน่งการสบฟันที่ซับซ้อน ก็จะใช้เวลานานขึ้น
- การตอบสนองของฟัน – การเคลื่อนที่ของฟันแต่ละคนจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งอาจทำให้บางคนเห็นผลเร็วกว่าหรือช้ากว่า
- การปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์ – การมาพบทันตแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอและดูแลความสะอาดของฟันช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ได้ดีและลดระยะเวลาในการจัดฟัน
หากต้องการให้ผลลัพธ์ออกมาดี ควรปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำและตรวจสอบว่าจำเป็นต้องใช้เวลานานเท่าใดในกรณีของคุณ
จัดฟันแบบโลหะกับดามอนต่างกันยังไง
การจัดฟันแบบโลหะและการจัดฟันแบบดามอนมีความแตกต่างกันในด้านวัสดุ เทคนิค และความสะดวกสบายในระหว่างการจัดฟัน โดยรายละเอียดเปรียบเทียบหลัก ๆ ดังนี้:
1. ระบบการยึดลวด
- จัดฟันแบบโลหะ (Traditional Metal Braces): ใช้ยางรัดเพื่อยึดลวดไว้กับแบร็กเก็ต ซึ่งทำให้เกิดแรงตึงในการเคลื่อนฟัน แต่ยางรัดต้องเปลี่ยนบ่อย และอาจทำให้ฟันรู้สึกแน่นหรือเจ็บในบางช่วง
- จัดฟันแบบดามอน (Damon Braces): ใช้ระบบแบร็กเก็ตแบบ “Self-Ligating” ที่มีตัวล็อคในตัว ไม่ต้องใช้ยางรัด การล็อคลวดนี้ทำให้แรงตึงลดลง ลดความเจ็บปวด และช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ได้ราบรื่นยิ่งขึ้น
2. ความถี่ในการพบหมอ
- จัดฟันแบบโลหะ: ต้องมาพบหมอบ่อยเพราะต้องเปลี่ยนยางรัดและปรับแรงตึงตามความเหมาะสมทุก 4-6 สัปดาห์
- จัดฟันแบบดามอน: สามารถเว้นระยะการพบทันตแพทย์ได้มากกว่า โดยทั่วไปจะนัดทุก 8-10 สัปดาห์ ทำให้เหมาะกับผู้ที่มีตารางงานแน่นหรือต้องเดินทางบ่อย
3. ความสะดวกสบาย
- จัดฟันแบบโลหะ: ด้วยการใช้ยางรัด อาจทำให้รู้สึกตึงและเจ็บได้มากขึ้น โดยเฉพาะช่วงหลังการปรับฟันแต่ละครั้ง
- จัดฟันแบบดามอน: แบร็กเก็ตแบบ Self-Ligating ทำให้มีแรงกดน้อยลง ลดการเสียดสีในช่องปาก ทำให้สบายกว่าในระยะยาว
4. ระยะเวลาการจัดฟัน
- จัดฟันแบบโลหะ: ระยะเวลาโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 1.5 – 3 ปี
- จัดฟันแบบดามอน: โดยทั่วไปใช้เวลาสั้นกว่าเล็กน้อย ประมาณ 1 – 2.5 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพฟันเริ่มต้นของแต่ละบุคคล
5. ค่าใช้จ่าย
- จัดฟันแบบโลหะ: ค่าบริการจะถูกกว่า เหมาะกับผู้ที่ต้องการจัดฟันในราคาประหยัด
- จัดฟันแบบดามอน: มีราคาสูงกว่าการจัดฟันแบบโลหะเล็กน้อย เนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ซับซ้อนกว่า
โดยสรุป การจัดฟันแบบโลหะเหมาะกับคนที่ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายและยอมรับการพบทันตแพทย์บ่อย ส่วนการจัดฟันแบบดามอนเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดเวลาและความเจ็บปวด
จัดฟันแบบโลหะมีกี่แบบ
การจัดฟันแบบโลหะมีหลายประเภทที่สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการและงบประมาณ โดยหลัก ๆ แล้วมีการจัดฟันแบบโลหะดังต่อไปนี้:
- จัดฟันโลหะทั่วไป (Traditional Metal Braces)
เป็นการจัดฟันแบบดั้งเดิมที่ใช้แบร็กเก็ตโลหะติดบนฟันแต่ละซี่ แล้วใช้ลวดและยางรัดเพื่อเคลื่อนฟันให้เข้าที่ ข้อดีคือมีประสิทธิภาพสูงและใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยสามารถเลือกสีของยางได้ตามใจชอบ - จัดฟันโลหะด้านใน (Lingual Braces)
เป็นการจัดฟันแบบติดโลหะด้านหลังของฟัน ทำให้มองไม่เห็นเมื่อยิ้ม เหมาะกับผู้ที่ต้องการจัดฟันแต่ไม่ต้องการให้เครื่องมือจัดฟันปรากฏชัดเจน อย่างไรก็ตาม การจัดฟันด้านในมีราคาสูงกว่าและอาจทำให้รู้สึกระคายเคืองที่ลิ้นได้ในระยะแรก - จัดฟันโลหะแบบ Damon (Damon Braces)
เป็นการจัดฟันที่ใช้ระบบ Self-Ligating ซึ่งไม่ต้องใช้ยางรัด โดยจะมีตัวล็อคในแบร็กเก็ตที่ช่วยให้ฟันเคลื่อนที่ได้อย่างราบรื่นขึ้น ลดความเจ็บปวดและไม่ต้องพบทันตแพทย์บ่อยเหมือนการจัดฟันแบบโลหะทั่วไป - จัดฟันโลหะชนิดเซรามิก (Ceramic Braces)
ใช้แบร็กเก็ตที่ทำจากเซรามิกหรือวัสดุใสซึ่งมีสีคล้ายฟัน ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการจัดฟันแต่ไม่อยากให้เห็นโลหะชัดเจน แต่อาจจะมีราคาสูงกว่าเล็กน้อยและเปราะบางกว่าการจัดฟันแบบโลหะปกติ - จัดฟันโลหะแบบมินิ (Mini Braces)
เป็นการจัดฟันที่ใช้แบร็กเก็ตขนาดเล็กกว่าปกติ ทำให้ดูสวยงามและสบายยิ่งขึ้น การติดตั้งก็มีลักษณะเหมือนการจัดฟันแบบโลหะทั่วไป แต่อาจมีความสะดวกสบายมากกว่าเล็กน้อยเพราะแบร็กเก็ตมีขนาดเล็กลง
สรุป การจัดฟันแบบโลหะมีหลากหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบที่เป็นโลหะปกติ โลหะด้านใน แบบ Damon แบบเซรามิก และแบบมินิ ขึ้นอยู่กับความต้องการ งบประมาณ และลักษณะของการจัดฟันที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
เคลียร์ช่องปากกี่วันได้ใส่เหล็ก
การเคลียร์ช่องปากก่อนการใส่เหล็กจัดฟันมักใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพช่องปากและสุขภาพฟันของแต่ละบุคคล โดยขั้นตอนการเคลียร์ช่องปากประกอบด้วย:
- การตรวจสุขภาพฟันและเหงือก
ทันตแพทย์จะตรวจสอบว่ามีฟันผุหรือปัญหาเหงือกอักเสบหรือไม่ หากมีต้องทำการรักษาก่อน - การขูดหินปูนและทำความสะอาดฟัน
เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพื่อให้ฟันและเหงือกมีสุขภาพดี ไม่มีคราบหินปูนสะสม ลดความเสี่ยงของการอักเสบระหว่างการจัดฟัน - การอุดฟันและถอนฟัน (ถ้าจำเป็น)
หากพบว่ามีฟันผุจำเป็นต้องอุดฟันให้เรียบร้อย และบางกรณีที่ฟันแออัด อาจต้องถอนฟันบางซี่ออกเพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการเคลื่อนฟัน - การเอ็กซเรย์และพิมพ์ฟัน
ทันตแพทย์จะเอ็กซเรย์และพิมพ์ฟันเพื่อทำแผนการจัดฟันอย่างละเอียด
หลังจากเคลียร์ช่องปากเสร็จเรียบร้อยและไม่มีปัญหาสุขภาพฟันเพิ่มเติม ก็สามารถเริ่มกระบวนการใส่เหล็กดัดฟันได้ภายใน 1-2 สัปดาห์
ใส่เหล็กดัดฟันเจ็บไหม
การใส่เหล็กดัดฟันอาจทำให้รู้สึกไม่สบายหรือเจ็บได้ โดยเฉพาะในช่วงแรก แต่ความรู้สึกนี้มักจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อฟันและเหงือกปรับตัวได้ ซึ่งอาการเจ็บหรือไม่สบายเกิดขึ้นได้ในแต่ละขั้นตอน ดังนี้:
- วันแรกที่ใส่เหล็ก
ขณะใส่เหล็กทันตแพทย์จะติดแบร็กเก็ตและลวด ซึ่งอาจทำให้รู้สึกตึงหรือกดดันในช่องปากได้ แต่ไม่เจ็บมากระหว่างใส่ - ช่วง 2-3 วันแรกหลังใส่เหล็ก
ฟันจะเริ่มเคลื่อนที่ อาจรู้สึกเจ็บตึงที่ฟัน ทำให้การเคี้ยวหรือกัดอาหารแข็ง ๆ รู้สึกไม่สบาย ในช่วงนี้ควรทานอาหารอ่อน ๆ เช่น โจ๊ก ซุป หรือสมูทตี้ และหลีกเลี่ยงอาหารแข็ง ๆ - การระคายเคืองในช่องปาก
แบร็กเก็ตและลวดอาจเสียดสีกับกระพุ้งแก้มหรือลิ้นจนเกิดแผลเล็ก ๆ ได้ ซึ่งสามารถใช้ขี้ผึ้งสำหรับจัดฟัน (orthodontic wax) ปิดทับส่วนที่เสียดสีเพื่อลดการระคายเคือง - ช่วงการปรับลวดครั้งต่อ ๆ ไป
ทุกครั้งที่ไปพบทันตแพทย์เพื่อปรับลวดหรือเปลี่ยนยางรัด จะรู้สึกตึงและเจ็บเล็กน้อยในวันแรก ๆ แต่ความรู้สึกนี้มักจะลดลงในวันถัดไป
เคล็ดลับการลดอาการเจ็บ
- ทานยาแก้ปวด (ตามคำแนะนำของทันตแพทย์) ถ้ารู้สึกเจ็บมาก
- ใช้น้ำอุ่นบ้วนปากหรือน้ำเกลือช่วยลดการระคายเคือง
- เลือกอาหารอ่อนและหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง
โดยรวมแล้ว ความเจ็บจากการใส่เหล็กจัดฟันมักเป็นอาการชั่วคราว
แบร็คเก็ตจัดฟันมีกี่แบบ
แบร็กเก็ตจัดฟันมีหลายแบบที่สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการและลักษณะเฉพาะของการจัดฟัน โดยหลัก ๆ แล้วแบร็กเก็ตที่ใช้ในการจัดฟันมีดังนี้:
- แบร็กเก็ตโลหะ (Metal Brackets)
เป็นแบร็กเก็ตที่ทำจากโลหะ ซึ่งมีความทนทานสูงและมีราคาประหยัดที่สุด เหมาะสำหรับการจัดฟันทั่วไปที่ต้องการแรงในการเคลื่อนฟันสูง ข้อดีของแบร็กเก็ตโลหะคือสามารถเลือกสีของยางรัดเพื่อเพิ่มความสนุกสนานได้ - แบร็กเก็ตเซรามิก (Ceramic Brackets)
เป็นแบร็กเก็ตที่ทำจากเซรามิกหรือวัสดุที่มีสีใกล้เคียงกับสีฟัน ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการจัดฟันแบบไม่ให้แบร็กเก็ตโดดเด่น แต่แบร็กเก็ตเซรามิกอาจมีราคาสูงกว่าและมีความเปราะบางกว่าการจัดฟันแบบโลหะ - แบร็กเก็ตแบบดามอน (Damon Brackets)
เป็นแบร็กเก็ตประเภท Self-Ligating ซึ่งไม่ต้องใช้ยางรัดเหมือนแบร็กเก็ตโลหะทั่วไป โดยมีตัวล็อคในแบร็กเก็ตเอง แบร็กเก็ตดามอนช่วยลดแรงเสียดทาน ทำให้ฟันเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นและไม่ต้องพบทันตแพทย์บ่อย - แบร็กเก็ตด้านใน (Lingual Brackets)
แบร็กเก็ตชนิดนี้ติดอยู่ด้านในของฟัน ทำให้ไม่เห็นแบร็กเก็ตจากภายนอก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงามโดยไม่ให้เห็นแบร็กเก็ต แต่การจัดฟันแบบนี้มีราคาสูงกว่าและอาจทำให้รู้สึกไม่สบายในระยะแรกเนื่องจากสัมผัสกับลิ้นมากกว่าแบร็กเก็ตแบบอื่น - แบร็กเก็ตแบบพลาสติกหรือเรซิน (Plastic or Resin Brackets)
เป็นแบร็กเก็ตที่ทำจากวัสดุพลาสติกหรือเรซิน มีสีใสหรือสีขาว ซึ่งดูเป็นธรรมชาติเหมือนเซรามิก แต่มีราคาถูกกว่า แต่อาจเปลี่ยนสีหรือดูดซับสีจากอาหารและเครื่องดื่มได้ง่าย จึงต้องการการดูแลเป็นพิเศษ
สรุป แบร็กเก็ตจัดฟันมีหลายแบบ เช่น แบบโลหะ แบบเซรามิก แบบดามอน แบบด้านใน และแบบพลาสติก ขึ้นอยู่กับความต้องการด้านความสวยงาม ความทนทาน และงบประมาณ
จัดฟันสวย ทำได้ง่ายๆ อยากยิ้มได้มั่นใจ ไม่ต้องรอ! พร้อมบริการจัดฟันจากทีมทันตแพทย์เฉพาะทาง จัดฟันแบบโลหะอุบลราชธานี เลือกวิธีจัดฟันที่ดีที่สุดสำหรับคุณกับคลินิกที่คุณวางใจ เชิญมาปรึกษาเราได้ทุกวัน
จัดฟันแบบไหนดี
การเลือกจัดฟันแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น งบประมาณ ความสะดวกสบาย ความสวยงาม และระยะเวลาที่ต้องการให้ฟันเข้าที่ ซึ่งแต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน ดังนี้:
1. จัดฟันแบบโลหะ (Traditional Metal Braces)
- ข้อดี: มีประสิทธิภาพสูงในการเคลื่อนฟันและเหมาะกับกรณีที่มีปัญหาการจัดเรียงฟันซับซ้อน ราคาเข้าถึงง่าย
- ข้อเสีย: มองเห็นได้ชัดและต้องพบทันตแพทย์บ่อยเพื่อตรวจและปรับลวด
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีในราคาประหยัดและไม่กังวลเรื่องความโดดเด่นของเครื่องมือ
2. จัดฟันแบบดามอน (Damon Braces)
- ข้อดี: ใช้ระบบ Self-Ligating ที่ไม่ต้องใช้ยางรัด ทำให้ฟันเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นและต้องพบทันตแพทย์น้อยกว่า รู้สึกสบายกว่าแบบโลหะทั่วไป
- ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าแบบโลหะ และยังมองเห็นได้แม้ว่าจะดูเบาลงเล็กน้อย
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการลดเวลาในการจัดฟันและไม่ต้องการพบทันตแพทย์บ่อย
3. จัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces)
- ข้อดี: แบร็กเก็ตมีสีใกล้เคียงกับฟัน จึงดูเป็นธรรมชาติมากกว่า จึงมีความสวยงามและไม่โดดเด่นเท่าการจัดฟันแบบโลหะ
- ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าแบบโลหะและอาจเปราะบางกว่าเล็กน้อย นอกจากนี้ยังต้องดูแลเรื่องการทำความสะอาดเพราะเซรามิกอาจเปลี่ยนสีได้หากสัมผัสกับอาหารที่มีสีจัด
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความสวยงามและสามารถรับผิดชอบเรื่องการทำความสะอาดได้ดี
4. จัดฟันแบบด้านใน (Lingual Braces)
- ข้อดี: ติดแบร็กเก็ตด้านในของฟัน ทำให้มองไม่เห็นจากภายนอก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการจัดฟันแบบไม่ให้คนอื่นสังเกตเห็น
- ข้อเสีย: ราคาสูงกว่า และอาจรู้สึกระคายเคืองที่ลิ้นหรือพูดไม่สะดวกในช่วงแรก นอกจากนี้ยังต้องการความเชี่ยวชาญพิเศษในการติดตั้งและดูแลรักษายากกว่า
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงและไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นว่าจัดฟัน
5. จัดฟันแบบใส (Clear Aligners เช่น Invisalign)
- ข้อดี: เป็นถาดใสที่สามารถถอดเข้าออกได้ จึงดูไม่ออกว่ากำลังจัดฟันและสะดวกต่อการทำความสะอาดและรับประทานอาหาร
- ข้อเสีย: ราคาสูงที่สุดและต้องใส่เป็นเวลา 20-22 ชั่วโมงต่อวันอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
เหมาะสำหรับ: ผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายและความสวยงามสูงสุด และสามารถรักษาวินัยในการใส่ถาดได้ตลอดเวลา
สรุป:
- จัดฟันแบบโลหะ: ราคาเข้าถึงง่าย เหมาะสำหรับการจัดฟันที่มีปัญหาซับซ้อน
- จัดฟันแบบดามอน: เจ็บน้อยลง ต้องพบทันตแพทย์น้อยกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดระยะเวลา
- จัดฟันแบบเซรามิก: ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสวยงาม
- จัดฟันแบบด้านใน: มองไม่เห็นแบร็กเก็ต เหมาะกับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว
- จัดฟันแบบใส: สะดวกสบาย ไม่เห็นเครื่องมือ เหมาะกับผู้ที่มีงบประมาณและสามารถใส่ได้ตลอดเวลา
แนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของการจัดฟันที่เหมาะกับคุณมากที่สุด