ทำไมต้องอุดฟัน
การ อุดฟัน เป็นกระบวนการทางทันตกรรมที่มีความสำคัญในการรักษาฟันที่มีความเสียหายหรือผุ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปกติและป้องกันปัญหาเพิ่มเติมในอนาคต ต่อไปนี้คือเหตุผลหลัก ๆ ว่าทำไมจึงต้องอุดฟัน:
1. หยุดการลุกลามของฟันผุ
- หากฟันผุถูกปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่รักษา การผุอาจลุกลามเข้าสู่ชั้นลึกของฟัน เช่น เนื้อฟัน (Dentin) และ โพรงประสาทฟัน (Pulp) ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อและปวดฟันอย่างรุนแรง
- การอุดฟันช่วยปิดกั้นเชื้อแบคทีเรียไม่ให้ลุกลามต่อไป
2. ป้องกันการติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน
- ฟันผุที่ลึกถึงโพรงประสาทฟันจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย อาจนำไปสู่การอักเสบที่ต้อง รักษารากฟัน หรือ ถอนฟัน
- การอุดฟันในระยะเริ่มต้นช่วยลดความเสี่ยงในการต้องทำหัตถการที่ซับซ้อนกว่า
3. บรรเทาอาการปวดและเพิ่มคุณภาพชีวิต
- ฟันผุอาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันหรือปวดฟันได้ โดยเฉพาะเวลารับประทานอาหารร้อน เย็น หรือหวาน
- การอุดฟันช่วยกำจัดอาการไม่สบายและทำให้เคี้ยวอาหารได้ตามปกติ
4. คืนความแข็งแรงและรูปร่างของฟัน
- ฟันที่ผุหรือเสียหายจะมีโครงสร้างที่อ่อนแอ ซึ่งอาจแตกหรือหักได้ง่าย
- การอุดฟันช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟันและฟื้นฟูรูปร่างเดิม เพื่อให้ฟันทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ป้องกันปัญหาฟันลุกลามไปยังฟันซี่อื่น
- หากปล่อยให้ฟันผุโดยไม่รักษา เชื้อแบคทีเรียอาจแพร่กระจายไปยังฟันซี่ข้างเคียง ทำให้ฟันซี่อื่นผุตามไปด้วย
6. ส่งเสริมสุขอนามัยช่องปากที่ดี
- การมีฟันที่สะอาดและแข็งแรงช่วยให้คุณแปรงฟันและทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสการเกิดปัญหาสุขภาพฟันในอนาคต
7. ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
- การอุดฟันตั้งแต่ฟันผุยังไม่ลึกช่วยลดค่าใช้จ่าย เพราะหากปล่อยให้ฟันผุลุกลามจนต้องรักษารากฟันหรือถอนฟัน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก
สรุป
การอุดฟันเป็นวิธีป้องกันและรักษาที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันปัญหาฟันลุกลาม ช่วยให้ฟันมีสุขภาพดีและแข็งแรง ลดอาการเจ็บปวด และลดความเสี่ยงในการเสียฟันในอนาคต ดังนั้น หากทันตแพทย์แนะนำให้อุดฟัน ควรทำตามคำแนะนำเพื่อรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีที่สุด!
อุดฟันมีกี่แบบ
การ อุดฟัน เป็นกระบวนการทางทันตกรรมที่มีความสำคัญในการรักษาฟันที่มีความเสียหายหรือผุ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปกติและป้องกันปัญหาเพิ่มเติมในอนาคต ต่อไปนี้คือเหตุผลหลัก ๆ ว่าทำไมจึงต้องอุดฟัน:
1. หยุดการลุกลามของฟันผุ
- หากฟันผุถูกปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่รักษา การผุอาจลุกลามเข้าสู่ชั้นลึกของฟัน เช่น เนื้อฟัน (Dentin) และ โพรงประสาทฟัน (Pulp) ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อและปวดฟันอย่างรุนแรง
- การอุดฟันช่วยปิดกั้นเชื้อแบคทีเรียไม่ให้ลุกลามต่อไป
2. ป้องกันการติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน
- ฟันผุที่ลึกถึงโพรงประสาทฟันจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย อาจนำไปสู่การอักเสบที่ต้อง รักษารากฟัน หรือ ถอนฟัน
- การอุดฟันในระยะเริ่มต้นช่วยลดความเสี่ยงในการต้องทำหัตถการที่ซับซ้อนกว่า
3. บรรเทาอาการปวดและเพิ่มคุณภาพชีวิต
- ฟันผุอาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันหรือปวดฟันได้ โดยเฉพาะเวลารับประทานอาหารร้อน เย็น หรือหวาน
- การอุดฟันช่วยกำจัดอาการไม่สบายและทำให้เคี้ยวอาหารได้ตามปกติ
4. คืนความแข็งแรงและรูปร่างของฟัน
- ฟันที่ผุหรือเสียหายจะมีโครงสร้างที่อ่อนแอ ซึ่งอาจแตกหรือหักได้ง่าย
- การอุดฟันช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟันและฟื้นฟูรูปร่างเดิม เพื่อให้ฟันทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
5. ป้องกันปัญหาฟันลุกลามไปยังฟันซี่อื่น
- หากปล่อยให้ฟันผุโดยไม่รักษา เชื้อแบคทีเรียอาจแพร่กระจายไปยังฟันซี่ข้างเคียง ทำให้ฟันซี่อื่นผุตามไปด้วย
6. ส่งเสริมสุขอนามัยช่องปากที่ดี
- การมีฟันที่สะอาดและแข็งแรงช่วยให้คุณแปรงฟันและทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสการเกิดปัญหาสุขภาพฟันในอนาคต
7. ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
- การอุดฟันตั้งแต่ฟันผุยังไม่ลึกช่วยลดค่าใช้จ่าย เพราะหากปล่อยให้ฟันผุลุกลามจนต้องรักษารากฟันหรือถอนฟัน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก
สรุป
การอุดฟันเป็นวิธีป้องกันและรักษาที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันปัญหาฟันลุกลาม ช่วยให้ฟันมีสุขภาพดีและแข็งแรง ลดอาการเจ็บปวด และลดความเสี่ยงในการเสียฟันในอนาคต ดังนั้น หากทันตแพทย์แนะนำให้อุดฟัน ควรทำตามคำแนะนำเพื่อรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีที่สุด!
อุดฟันมีกี่แบบ
การอุดฟันมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้และความเหมาะสมกับฟันซี่นั้น ๆ โดยทันตแพทย์จะเลือกแบบที่เหมาะสมที่สุดตามสภาพฟันของผู้ป่วยและความต้องการด้านความสวยงาม ต่อไปนี้คือ ประเภทของการอุดฟัน ที่พบบ่อย:
1. อมัลกัม (Amalgam Filling)
- วัสดุผสมของ ปรอท ทองแดง เงิน และดีบุก มีความแข็งแรงและทนทาน
- ข้อดี: ทนทานต่อแรงเคี้ยว ใช้ได้นาน 10-15 ปี หรือมากกว่า
- ข้อเสีย: สีเงินไม่เข้ากับฟันธรรมชาติ ทำให้เห็นชัดเจน เหมาะกับฟันหลังมากกว่าฟันหน้า
2. คอมโพสิต (Composite Filling)
- วัสดุสีขาวที่ทำจากเรซิน (Resin) ซึ่งสามารถปรับสีให้เข้ากับสีฟันธรรมชาติ
- ข้อดี: ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับฟันหน้าและฟันที่ต้องการความสวยงาม
- ข้อเสีย: อายุการใช้งานสั้นกว่าฟันอมัลกัม (5-7 ปี) และอาจมีการหดตัวเล็กน้อย ทำให้เสี่ยงต่อฟันผุซ้ำ
3. กลาสไอโอโนเมอร์ (Glass Ionomer Filling)
- ทำจากวัสดุผสมของ แก้วซิลิเกต (Silicate) และ โพลีแอคริลิก ซึ่งปล่อยฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ
- ข้อดี: เหมาะกับเด็กและฟันที่อยู่ใกล้ขอบเหงือก ป้องกันฟันผุในระยะยาว
- ข้อเสีย: ไม่ทนทานต่อแรงกัดเท่าอมัลกัมหรือคอมโพสิต ใช้กับฟันหลังไม่ค่อยเหมาะ
4. ทองคำ (Gold Filling)
- ทำจากทองคำผสมที่มีความทนทานสูงและไม่ทำปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อในช่องปาก
- ข้อดี: มีความทนทานสูง ใช้งานได้ยาวนานกว่า 20 ปี
- ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูง และสีทองไม่เข้ากับสีฟันธรรมชาติ
5. พอร์ซเลน (Porcelain / Ceramic Filling)
- ทำจากเซรามิกหรือพอร์ซเลนที่มีสีคล้ายฟันธรรมชาติ
- ข้อดี: ดูเป็นธรรมชาติและทนต่อการเปื้อน (Stain) ได้ดี
- ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงและเปราะกว่าอมัลกัมหรือคอมโพสิตเล็กน้อย
6. อุดฟันชั่วคราว (Temporary Filling)
- ใช้ในกรณีที่จำเป็นต้องอุดฟันแบบชั่วคราว เช่น ในการรักษารากฟันหรือระหว่างรอวัสดุอุดถาวร
- ข้อดี: ปกป้องฟันในระยะสั้น
- ข้อเสีย: ต้องกลับมาเปลี่ยนเป็นอุดถาวร ไม่ทนทานในระยะยาว
สรุป
การเลือกวิธีอุดฟันขึ้นอยู่กับ ตำแหน่งของฟัน (ฟันหน้า-ฟันหลัง), ความต้องการด้านความสวยงาม, ความทนทาน และ งบประมาณ หากคุณกังวลเรื่องสีและความเป็นธรรมชาติ อาจเลือกคอมโพสิตหรือพอร์ซเลน แต่ถ้าต้องการความทนทานในฟันหลัง อมัลกัมหรือทองคำก็เป็นตัวเลือกที่ดี
ข้อดีของการอุดฟัน
การอุดฟันมีข้อดีหลายประการ ทั้งในด้านการรักษาสุขภาพช่องปากและการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนี้:
- หยุดการลุกลามของฟันผุ
- การอุดฟันช่วยหยุดยั้งฟันผุไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของฟันหรือซี่อื่น ๆ ในช่องปาก
- ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการอักเสบ
- เมื่อฟันที่ผุถูกอุดเรียบร้อย จะช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเข้าสู่โพรงประสาทฟัน (Pulp) ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและต้องรักษารากฟัน
- บรรเทาอาการปวดฟันและความเสียวฟัน
- ฟันผุทำให้เกิดอาการปวดและเสียวฟัน การอุดฟันจะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ ทำให้รับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มได้อย่างปกติ
- คืนความแข็งแรงให้กับฟัน
- ฟันที่ถูกอุดจะมีความแข็งแรงเพียงพอสำหรับการใช้งาน เช่น การเคี้ยวหรือกัดอาหาร ลดความเสี่ยงที่ฟันจะหักหรือแตก
- รักษารูปร่างและการทำงานของฟัน
- การอุดฟันช่วยให้ฟันคงรูปร่างใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ทำให้การบดเคี้ยวมีประสิทธิภาพและช่วยรักษาความสมดุลของการสบฟัน
- ป้องกันฟันซี่อื่น ๆ จากปัญหาฟันผุ
- การอุดฟันช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียไปยังฟันซี่ข้างเคียง ลดความเสี่ยงของการเกิดฟันผุใหม่
- เสริมสร้างความมั่นใจและความสวยงาม
- วัสดุอุดฟันบางประเภท เช่น คอมโพสิตหรือพอร์ซเลน ช่วยให้ฟันดูเป็นธรรมชาติ ทำให้มั่นใจในการยิ้มและพูดคุย
- ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาในระยะยาว
- การอุดฟันตั้งแต่ฟันผุยังไม่ลึก ช่วยหลีกเลี่ยงการรักษาที่ซับซ้อน เช่น การรักษารากฟันหรือการถอนฟัน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
- ช่วยให้แปรงฟันและดูแลช่องปากได้ง่ายขึ้น
- ฟันที่อุดแล้วไม่มีร่องผุ ทำให้สามารถแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันได้สะดวก ลดโอกาสในการเกิดฟันผุซ้ำ
- ป้องกันอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับช่องปาก
- การรักษาฟันให้แข็งแรงช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจเกิดจากการติดเชื้อในช่องปาก เช่น โรคเหงือกหรือการติดเชื้อรุนแรง
สรุป
การอุดฟันไม่เพียงแค่รักษาอาการฟันผุ แต่ยังมีประโยชน์ในด้านการป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากในอนาคต ฟื้นฟูฟันให้ใช้งานได้อย่างปกติ ช่วยเสริมความมั่นใจ และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ดังนั้น การเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันและอุดฟันเมื่อจำเป็น เป็นวิธีที่ดีในการดูแลสุขภาพฟันให้แข็งแรงและสวยงามอยู่เสมอ
อุดฟันอยู่ได้กี่ปี
อายุการใช้งานของการอุดฟันขึ้นอยู่กับ ชนิดของวัสดุ ที่ใช้ รวมถึง ตำแหน่งของฟัน และ พฤติกรรมการดูแลช่องปาก ของผู้ป่วย โดยทั่วไปการอุดฟันสามารถอยู่ได้นาน 5-20 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของวัสดุ ดังนี้:
อายุการใช้งานของการอุดฟันแต่ละประเภท
- อมัลกัม (Amalgam)
- อายุการใช้งาน: 10-15 ปี หรือมากกว่า
- ความทนทาน: ทนต่อแรงเคี้ยวสูง เหมาะกับฟันหลัง
- ข้อควรระวัง: อาจมีปัญหาด้านความสวยงาม เพราะสีเงินเด่นชัด
- คอมโพสิต (Composite Resin)
- อายุการใช้งาน: 5-7 ปี
- ความทนทาน: เหมาะกับฟันหน้าและบริเวณที่ต้องการความสวยงาม
- ข้อควรระวัง: อาจมีการหดตัวเมื่อเวลาผ่านไป และเสี่ยงต่อการผุซ้ำหากไม่ได้ดูแลดีพอ
- กลาสไอโอโนเมอร์ (Glass Ionomer)
- อายุการใช้งาน: 5-7 ปี
- ความทนทาน: ปล่อยฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุ เหมาะกับฟันน้ำนมและบริเวณใกล้เหงือก
- ข้อควรระวัง: ไม่ทนต่อแรงเคี้ยวมาก จึงไม่เหมาะกับฟันหลัง
- พอร์ซเลน (Porcelain/Ceramic)
- อายุการใช้งาน: 10-15 ปี
- ความทนทาน: แข็งแรงและดูสวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ
- ข้อควรระวัง: เปราะกว่าวัสดุอื่น และมีค่าใช้จ่ายสูง
- ทองคำ (Gold Alloy)
- อายุการใช้งาน: มากกว่า 20 ปี
- ความทนทาน: แข็งแรงและทนทานต่อการแตกหัก
- ข้อควรระวัง: ราคาแพงและมีสีทองเด่นชัด
- อุดฟันชั่วคราว (Temporary Filling)
- อายุการใช้งาน: 1-3 เดือน
- ความทนทาน: ใช้ชั่วคราวระหว่างการรักษา เช่น การรักษารากฟัน
- ข้อควรระวัง: ต้องเปลี่ยนเป็นวัสดุถาวรในภายหลัง
ปัจจัยที่มีผลต่ออายุการใช้งานของการอุดฟัน
- ตำแหน่งของฟัน:
- ฟันหลังต้องรองรับแรงกัดและเคี้ยวอาหาร ทำให้การอุดฟันมีโอกาสสึกหรือแตกหักได้ง่ายกว่า
- พฤติกรรมการดูแลช่องปาก:
- การแปรงฟันสม่ำเสมอ ใช้ไหมขัดฟัน และการเข้ารับการตรวจฟันประจำปี ช่วยให้การอุดฟันมีอายุการใช้งานนานขึ้น
- การใช้งานฟัน:
- การกัดของแข็ง เช่น น้ำแข็ง หรือการใช้ฟันเปิดสิ่งของ อาจทำให้การอุดฟันเสียหายเร็วขึ้น
- คุณภาพของวัสดุและฝีมือของทันตแพทย์:
- การอุดฟันด้วยวัสดุคุณภาพสูงและการทำอย่างถูกต้องโดยทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์ ช่วยยืดอายุการใช้งาน
สรุป
การอุดฟันโดยทั่วไปมีอายุการใช้งานอยู่ระหว่าง 5-20 ปี ขึ้นอยู่กับวัสดุและการดูแลรักษาหลังการอุด หากดูแลช่องปากอย่างดีและเข้าพบ ทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย การอุดฟันจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ทำให้คุณมีสุขภาพช่องปากที่ดีและใช้งานฟันได้เต็มประสิทธิภาพ.
ปวดฟันอุดฟันได้ไหม
การปวดฟัน สามารถอุดฟันได้ แต่จำเป็นต้องตรวจสอบและรักษาสาเหตุของอาการปวดก่อน โดยทันตแพทย์จะประเมินว่าการอุดฟันสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องใช้วิธีรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับ สภาพของฟัน และ ความลึกของฟันผุหรือการติดเชื้อ ดังนี้:
กรณีที่อุดฟันได้
หากอาการปวดฟันเกิดจากฟันผุที่ยังไม่ลึกถึงโพรงประสาทฟัน (Pulp) การอุดฟันสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้
- ตัวอย่างอาการ:
- ปวดฟันเล็กน้อยเมื่อกินของหวาน หรืออาหารร้อน-เย็น
- ฟันผุไม่ลึกมาก (อยู่แค่ชั้นเคลือบฟันหรือเนื้อฟัน)
วิธีการรักษา:
- ขูดเอาส่วนที่ผุออก
- อุดฟันด้วยวัสดุที่เหมาะสม เช่น คอมโพสิตหรืออมัลกัม
- หากปวดจากฟันเสียว อาจใช้อุดฟันร่วมกับการเคลือบฟลูออไรด์
กรณีที่อุดฟันไม่ได้ทันที
ถ้าการปวดฟันเกิดจาก การติดเชื้อหรือฟันผุลึกจนถึงโพรงประสาทฟัน การอุดฟันเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ทันตแพทย์อาจต้องรักษาด้วยวิธีอื่นก่อน เช่น:
- รักษารากฟัน (Root Canal Treatment):
- กรณีฟันผุลึกถึงโพรงประสาทจนเกิดการอักเสบ
- ต้องกำจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อออก แล้วอุดรากฟันก่อนทำการอุดถาวร
- ให้ยาปฏิชีวนะและยาแก้อักเสบ:
- หากมีการติดเชื้อรุนแรงบริเวณเหงือกหรือล้อมรอบรากฟัน ทันตแพทย์อาจให้ยาก่อน
- อุดฟันชั่วคราว (Temporary Filling):
- ในบางกรณี การอุดชั่วคราวอาจใช้ป้องกันเชื้อเพิ่มระหว่างรอการรักษาหลัก
ข้อควรปฏิบัติหากมีอาการปวดฟันก่อนพบแพทย์
- ประคบเย็น บริเวณแก้มใกล้ฟันที่ปวดเพื่อลดอาการบวม
- หลีกเลี่ยงอาหารแข็งหรือร้อน-เย็นจัด เพื่อลดการกระตุ้นอาการปวด
- ใช้ยาบรรเทาปวดชั่วคราว เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน
- ไปพบทันตแพทย์ทันที เพื่อประเมินอาการและรับการรักษาที่เหมาะสม
สรุป
หากปวดฟันเล็กน้อยและฟันผุยังไม่ลึกมาก การอุดฟันสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ แต่หากฟันผุลึกจนถึงโพรงประสาทฟัน การรักษารากฟันหรือหัตถการอื่นอาจจำเป็นก่อนการอุดฟัน ดังนั้น ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียดเสมอ อย่าฝืนอุดฟันหากยังมีอาการปวดรุนแรง เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาลุกลามในอนาคต.
ฟันผุ ปวดฟัน ปล่อยไว้ยิ่งบานปลาย นอกจากต้องทนกับอาการปวดแล้วอาจจะมีการติดเชื้อ อุดฟันอุบลราชธานี ช่วยแก้ปัญหา ประหยัดเวลาการรักษา ฟันผุจะไม่ลุกลาม
ทำไมต้องอุดฟันสีดำ
การอุดฟันด้วย วัสดุอมัลกัม (Amalgam) ซึ่งมักมีลักษณะเป็นสีเทา-ดำ มีประโยชน์และความเหมาะสมในบางกรณี ต่อไปนี้คือเหตุผลที่หลายคนยังเลือกใช้วัสดุอุดฟันสีดำ แม้ว่าจะมีทางเลือกอื่นอย่าง คอมโพสิตเรซิน (Composite) ที่มีสีใกล้เคียงกับฟัน:
เหตุผลที่ต้องอุดฟันสีดำ (อมัลกัม)
- ความทนทานสูง
- อมัลกัมมีความทนทานต่อแรงกัดและแรงเคี้ยวมากกว่าเมื่อเทียบกับคอมโพสิต
- เหมาะสำหรับอุดฟันกรามและฟันหลังที่ต้องรองรับแรงเคี้ยวอย่างหนัก
- อายุการใช้งานนาน
- การอุดฟันด้วยอมัลกัมสามารถอยู่ได้นานกว่า 10-15 ปี หรือนานกว่านั้น
- จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในระยะยาว โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่ต้องการเข้ารับการอุดฟันใหม่บ่อย ๆ
- ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
- การอุดฟันด้วยอมัลกัมมักมีราคาถูกกว่าการใช้คอมโพสิตหรือพอร์ซเลน
- เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเมื่อผู้ป่วยต้องการลดค่าใช้จ่าย
- ง่ายต่อการติดตั้งและทนต่อความชื้น
- อมัลกัมสามารถใช้งานได้ดีแม้ในสภาวะที่มีความชื้นในช่องปาก เช่น ฟันหลัง ซึ่งอาจทำให้ยากต่อการควบคุมความแห้ง
- วัสดุอื่นอย่างคอมโพสิตต้องการการควบคุมความแห้งอย่างเข้มงวดในระหว่างการอุด
- ทนต่อการเสื่อมสภาพ
- อมัลกัมไม่หดตัวหรือเปลี่ยนรูปเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งลดความเสี่ยงของฟันผุซ้ำ
- ในขณะที่คอมโพสิตมีโอกาสหดตัวและเกิดช่องว่างระหว่างวัสดุอุดกับฟัน ทำให้เสี่ยงต่อการผุซ้ำ
- เหมาะกับการอุดฟันขนาดใหญ่
- อมัลกัมเหมาะกับการอุดฟันที่มีโพรงใหญ่ เพราะมีความแข็งแรงมาก
- ในบางกรณี คอมโพสิตอาจไม่เหมาะสำหรับการอุดฟันที่ต้องรองรับน้ำหนักมาก ๆ
ข้อเสียของการอุดฟันสีดำ
- สีเงินหรือสีดำของอมัลกัมทำให้ดูไม่สวยงามเมื่อเทียบกับวัสดุสีเหมือนฟัน เช่น คอมโพสิต
- อาจไม่เหมาะกับการอุดฟันหน้า เพราะสีตัดกับฟันธรรมชาติ
- มีส่วนผสมของปรอท แม้จะอยู่ในปริมาณปลอดภัย แต่บางคนอาจกังวลเรื่องสุขภาพ
สรุป
การอุดฟันด้วยวัสดุสีดำ (อมัลกัม) มีข้อดีในด้านความทนทานและอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยเฉพาะสำหรับฟันหลังที่ต้องรองรับแรงเคี้ยวสูง แม้จะไม่สวยงามเท่าวัสดุอุดสีขาวอย่างคอมโพสิต แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในแง่ของความคุ้มค่าและความแข็งแรง ทันตแพทย์จึงอาจแนะนำการอุดฟันสีดำในกรณีที่ต้องการความทนทานหรือการรักษาในบริเวณที่ไม่เน้นความสวยงาม.