อุดฟันอุบลราชธานี ดูแลรอยยิ้มของคุณด้วยความใส่ใจ เพราะฟันสวยคือสุขภาพดี

ทำไมต้องอุดฟัน

การ อุดฟัน เป็นกระบวนการทางทันตกรรมที่มีความสำคัญในการรักษาฟันที่มีความเสียหายหรือผุ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปกติและป้องกันปัญหาเพิ่มเติมในอนาคต ต่อไปนี้คือเหตุผลหลัก ๆ ว่าทำไมจึงต้องอุดฟัน:

1. หยุดการลุกลามของฟันผุ

  • หากฟันผุถูกปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่รักษา การผุอาจลุกลามเข้าสู่ชั้นลึกของฟัน เช่น เนื้อฟัน (Dentin) และ โพรงประสาทฟัน (Pulp) ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อและปวดฟันอย่างรุนแรง
  • การอุดฟันช่วยปิดกั้นเชื้อแบคทีเรียไม่ให้ลุกลามต่อไป

2. ป้องกันการติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน

  • ฟันผุที่ลึกถึงโพรงประสาทฟันจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย อาจนำไปสู่การอักเสบที่ต้อง รักษารากฟัน หรือ ถอนฟัน
  • การอุดฟันในระยะเริ่มต้นช่วยลดความเสี่ยงในการต้องทำหัตถการที่ซับซ้อนกว่า

3. บรรเทาอาการปวดและเพิ่มคุณภาพชีวิต

  • ฟันผุอาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันหรือปวดฟันได้ โดยเฉพาะเวลารับประทานอาหารร้อน เย็น หรือหวาน
  • การอุดฟันช่วยกำจัดอาการไม่สบายและทำให้เคี้ยวอาหารได้ตามปกติ

4. คืนความแข็งแรงและรูปร่างของฟัน

  • ฟันที่ผุหรือเสียหายจะมีโครงสร้างที่อ่อนแอ ซึ่งอาจแตกหรือหักได้ง่าย
  • การอุดฟันช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟันและฟื้นฟูรูปร่างเดิม เพื่อให้ฟันทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. ป้องกันปัญหาฟันลุกลามไปยังฟันซี่อื่น

  • หากปล่อยให้ฟันผุโดยไม่รักษา เชื้อแบคทีเรียอาจแพร่กระจายไปยังฟันซี่ข้างเคียง ทำให้ฟันซี่อื่นผุตามไปด้วย

6. ส่งเสริมสุขอนามัยช่องปากที่ดี

  • การมีฟันที่สะอาดและแข็งแรงช่วยให้คุณแปรงฟันและทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสการเกิดปัญหาสุขภาพฟันในอนาคต

7. ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

  • การอุดฟันตั้งแต่ฟันผุยังไม่ลึกช่วยลดค่าใช้จ่าย เพราะหากปล่อยให้ฟันผุลุกลามจนต้องรักษารากฟันหรือถอนฟัน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก

สรุป

การอุดฟันเป็นวิธีป้องกันและรักษาที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันปัญหาฟันลุกลาม ช่วยให้ฟันมีสุขภาพดีและแข็งแรง ลดอาการเจ็บปวด และลดความเสี่ยงในการเสียฟันในอนาคต ดังนั้น หากทันตแพทย์แนะนำให้อุดฟัน ควรทำตามคำแนะนำเพื่อรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีที่สุด!

อุดฟันมีกี่แบบ

การ อุดฟัน เป็นกระบวนการทางทันตกรรมที่มีความสำคัญในการรักษาฟันที่มีความเสียหายหรือผุ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างปกติและป้องกันปัญหาเพิ่มเติมในอนาคต ต่อไปนี้คือเหตุผลหลัก ๆ ว่าทำไมจึงต้องอุดฟัน:

1. หยุดการลุกลามของฟันผุ

  • หากฟันผุถูกปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่รักษา การผุอาจลุกลามเข้าสู่ชั้นลึกของฟัน เช่น เนื้อฟัน (Dentin) และ โพรงประสาทฟัน (Pulp) ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อและปวดฟันอย่างรุนแรง
  • การอุดฟันช่วยปิดกั้นเชื้อแบคทีเรียไม่ให้ลุกลามต่อไป

2. ป้องกันการติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน

  • ฟันผุที่ลึกถึงโพรงประสาทฟันจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่าย อาจนำไปสู่การอักเสบที่ต้อง รักษารากฟัน หรือ ถอนฟัน
  • การอุดฟันในระยะเริ่มต้นช่วยลดความเสี่ยงในการต้องทำหัตถการที่ซับซ้อนกว่า

3. บรรเทาอาการปวดและเพิ่มคุณภาพชีวิต

  • ฟันผุอาจทำให้เกิดอาการเสียวฟันหรือปวดฟันได้ โดยเฉพาะเวลารับประทานอาหารร้อน เย็น หรือหวาน
  • การอุดฟันช่วยกำจัดอาการไม่สบายและทำให้เคี้ยวอาหารได้ตามปกติ

4. คืนความแข็งแรงและรูปร่างของฟัน

  • ฟันที่ผุหรือเสียหายจะมีโครงสร้างที่อ่อนแอ ซึ่งอาจแตกหรือหักได้ง่าย
  • การอุดฟันช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟันและฟื้นฟูรูปร่างเดิม เพื่อให้ฟันทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. ป้องกันปัญหาฟันลุกลามไปยังฟันซี่อื่น

  • หากปล่อยให้ฟันผุโดยไม่รักษา เชื้อแบคทีเรียอาจแพร่กระจายไปยังฟันซี่ข้างเคียง ทำให้ฟันซี่อื่นผุตามไปด้วย

6. ส่งเสริมสุขอนามัยช่องปากที่ดี

  • การมีฟันที่สะอาดและแข็งแรงช่วยให้คุณแปรงฟันและทำความสะอาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสการเกิดปัญหาสุขภาพฟันในอนาคต

7. ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว

  • การอุดฟันตั้งแต่ฟันผุยังไม่ลึกช่วยลดค่าใช้จ่าย เพราะหากปล่อยให้ฟันผุลุกลามจนต้องรักษารากฟันหรือถอนฟัน จะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก

สรุป

การอุดฟันเป็นวิธีป้องกันและรักษาที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันปัญหาฟันลุกลาม ช่วยให้ฟันมีสุขภาพดีและแข็งแรง ลดอาการเจ็บปวด และลดความเสี่ยงในการเสียฟันในอนาคต ดังนั้น หากทันตแพทย์แนะนำให้อุดฟัน ควรทำตามคำแนะนำเพื่อรักษาสุขภาพช่องปากให้ดีที่สุด!

อุดฟันมีกี่แบบ

การอุดฟันมีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้และความเหมาะสมกับฟันซี่นั้น ๆ โดยทันตแพทย์จะเลือกแบบที่เหมาะสมที่สุดตามสภาพฟันของผู้ป่วยและความต้องการด้านความสวยงาม ต่อไปนี้คือ ประเภทของการอุดฟัน ที่พบบ่อย:

1. อมัลกัม (Amalgam Filling)

  • วัสดุผสมของ ปรอท ทองแดง เงิน และดีบุก มีความแข็งแรงและทนทาน
  • ข้อดี: ทนทานต่อแรงเคี้ยว ใช้ได้นาน 10-15 ปี หรือมากกว่า
  • ข้อเสีย: สีเงินไม่เข้ากับฟันธรรมชาติ ทำให้เห็นชัดเจน เหมาะกับฟันหลังมากกว่าฟันหน้า

2. คอมโพสิต (Composite Filling)

  • วัสดุสีขาวที่ทำจากเรซิน (Resin) ซึ่งสามารถปรับสีให้เข้ากับสีฟันธรรมชาติ
  • ข้อดี: ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับฟันหน้าและฟันที่ต้องการความสวยงาม
  • ข้อเสีย: อายุการใช้งานสั้นกว่าฟันอมัลกัม (5-7 ปี) และอาจมีการหดตัวเล็กน้อย ทำให้เสี่ยงต่อฟันผุซ้ำ

3. กลาสไอโอโนเมอร์ (Glass Ionomer Filling)

  • ทำจากวัสดุผสมของ แก้วซิลิเกต (Silicate) และ โพลีแอคริลิก ซึ่งปล่อยฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ
  • ข้อดี: เหมาะกับเด็กและฟันที่อยู่ใกล้ขอบเหงือก ป้องกันฟันผุในระยะยาว
  • ข้อเสีย: ไม่ทนทานต่อแรงกัดเท่าอมัลกัมหรือคอมโพสิต ใช้กับฟันหลังไม่ค่อยเหมาะ

4. ทองคำ (Gold Filling)

  • ทำจากทองคำผสมที่มีความทนทานสูงและไม่ทำปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อในช่องปาก
  • ข้อดี: มีความทนทานสูง ใช้งานได้ยาวนานกว่า 20 ปี
  • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูง และสีทองไม่เข้ากับสีฟันธรรมชาติ

5. พอร์ซเลน (Porcelain / Ceramic Filling)

  • ทำจากเซรามิกหรือพอร์ซเลนที่มีสีคล้ายฟันธรรมชาติ
  • ข้อดี: ดูเป็นธรรมชาติและทนต่อการเปื้อน (Stain) ได้ดี
  • ข้อเสีย: ค่าใช้จ่ายสูงและเปราะกว่าอมัลกัมหรือคอมโพสิตเล็กน้อย

6. อุดฟันชั่วคราว (Temporary Filling)

  • ใช้ในกรณีที่จำเป็นต้องอุดฟันแบบชั่วคราว เช่น ในการรักษารากฟันหรือระหว่างรอวัสดุอุดถาวร
  • ข้อดี: ปกป้องฟันในระยะสั้น
  • ข้อเสีย: ต้องกลับมาเปลี่ยนเป็นอุดถาวร ไม่ทนทานในระยะยาว

สรุป

การเลือกวิธีอุดฟันขึ้นอยู่กับ ตำแหน่งของฟัน (ฟันหน้า-ฟันหลัง), ความต้องการด้านความสวยงาม, ความทนทาน และ งบประมาณ หากคุณกังวลเรื่องสีและความเป็นธรรมชาติ อาจเลือกคอมโพสิตหรือพอร์ซเลน แต่ถ้าต้องการความทนทานในฟันหลัง อมัลกัมหรือทองคำก็เป็นตัวเลือกที่ดี

ข้อดีของการอุดฟัน

การอุดฟันมีข้อดีหลายประการ ทั้งในด้านการรักษาสุขภาพช่องปากและการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนี้:

  1. หยุดการลุกลามของฟันผุ
    • การอุดฟันช่วยหยุดยั้งฟันผุไม่ให้ลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของฟันหรือซี่อื่น ๆ ในช่องปาก
  2. ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการอักเสบ
    • เมื่อฟันที่ผุถูกอุดเรียบร้อย จะช่วยป้องกันไม่ให้แบคทีเรียเข้าสู่โพรงประสาทฟัน (Pulp) ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อและต้องรักษารากฟัน
  3. บรรเทาอาการปวดฟันและความเสียวฟัน
    • ฟันผุทำให้เกิดอาการปวดและเสียวฟัน การอุดฟันจะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ ทำให้รับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มได้อย่างปกติ
  4. คืนความแข็งแรงให้กับฟัน
    • ฟันที่ถูกอุดจะมีความแข็งแรงเพียงพอสำหรับการใช้งาน เช่น การเคี้ยวหรือกัดอาหาร ลดความเสี่ยงที่ฟันจะหักหรือแตก
  5. รักษารูปร่างและการทำงานของฟัน
    • การอุดฟันช่วยให้ฟันคงรูปร่างใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ทำให้การบดเคี้ยวมีประสิทธิภาพและช่วยรักษาความสมดุลของการสบฟัน
  6. ป้องกันฟันซี่อื่น ๆ จากปัญหาฟันผุ
    • การอุดฟันช่วยป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียไปยังฟันซี่ข้างเคียง ลดความเสี่ยงของการเกิดฟันผุใหม่
  7. เสริมสร้างความมั่นใจและความสวยงาม
    • วัสดุอุดฟันบางประเภท เช่น คอมโพสิตหรือพอร์ซเลน ช่วยให้ฟันดูเป็นธรรมชาติ ทำให้มั่นใจในการยิ้มและพูดคุย
  8. ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาในระยะยาว
    • การอุดฟันตั้งแต่ฟันผุยังไม่ลึก ช่วยหลีกเลี่ยงการรักษาที่ซับซ้อน เช่น การรักษารากฟันหรือการถอนฟัน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า
  9. ช่วยให้แปรงฟันและดูแลช่องปากได้ง่ายขึ้น
    • ฟันที่อุดแล้วไม่มีร่องผุ ทำให้สามารถแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันได้สะดวก ลดโอกาสในการเกิดฟันผุซ้ำ
  10. ป้องกันอาการเจ็บป่วยที่เกี่ยวกับช่องปาก
  • การรักษาฟันให้แข็งแรงช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่อาจเกิดจากการติดเชื้อในช่องปาก เช่น โรคเหงือกหรือการติดเชื้อรุนแรง

สรุป

การอุดฟันไม่เพียงแค่รักษาอาการฟันผุ แต่ยังมีประโยชน์ในด้านการป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากในอนาคต ฟื้นฟูฟันให้ใช้งานได้อย่างปกติ ช่วยเสริมความมั่นใจ และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว ดังนั้น การเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจฟันและอุดฟันเมื่อจำเป็น เป็นวิธีที่ดีในการดูแลสุขภาพฟันให้แข็งแรงและสวยงามอยู่เสมอ

อุดฟันอยู่ได้กี่ปี

อายุการใช้งานของการอุดฟันขึ้นอยู่กับ ชนิดของวัสดุ ที่ใช้ รวมถึง ตำแหน่งของฟัน และ พฤติกรรมการดูแลช่องปาก ของผู้ป่วย โดยทั่วไปการอุดฟันสามารถอยู่ได้นาน 5-20 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทของวัสดุ ดังนี้:

อายุการใช้งานของการอุดฟันแต่ละประเภท

  1. อมัลกัม (Amalgam)
    • อายุการใช้งาน: 10-15 ปี หรือมากกว่า
    • ความทนทาน: ทนต่อแรงเคี้ยวสูง เหมาะกับฟันหลัง
    • ข้อควรระวัง: อาจมีปัญหาด้านความสวยงาม เพราะสีเงินเด่นชัด
  2. คอมโพสิต (Composite Resin)
    • อายุการใช้งาน: 5-7 ปี
    • ความทนทาน: เหมาะกับฟันหน้าและบริเวณที่ต้องการความสวยงาม
    • ข้อควรระวัง: อาจมีการหดตัวเมื่อเวลาผ่านไป และเสี่ยงต่อการผุซ้ำหากไม่ได้ดูแลดีพอ
  3. กลาสไอโอโนเมอร์ (Glass Ionomer)
    • อายุการใช้งาน: 5-7 ปี
    • ความทนทาน: ปล่อยฟลูออไรด์ป้องกันฟันผุ เหมาะกับฟันน้ำนมและบริเวณใกล้เหงือก
    • ข้อควรระวัง: ไม่ทนต่อแรงเคี้ยวมาก จึงไม่เหมาะกับฟันหลัง
  4. พอร์ซเลน (Porcelain/Ceramic)
    • อายุการใช้งาน: 10-15 ปี
    • ความทนทาน: แข็งแรงและดูสวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ
    • ข้อควรระวัง: เปราะกว่าวัสดุอื่น และมีค่าใช้จ่ายสูง
  5. ทองคำ (Gold Alloy)
    • อายุการใช้งาน: มากกว่า 20 ปี
    • ความทนทาน: แข็งแรงและทนทานต่อการแตกหัก
    • ข้อควรระวัง: ราคาแพงและมีสีทองเด่นชัด
  6. อุดฟันชั่วคราว (Temporary Filling)
    • อายุการใช้งาน: 1-3 เดือน
    • ความทนทาน: ใช้ชั่วคราวระหว่างการรักษา เช่น การรักษารากฟัน
    • ข้อควรระวัง: ต้องเปลี่ยนเป็นวัสดุถาวรในภายหลัง

ปัจจัยที่มีผลต่ออายุการใช้งานของการอุดฟัน

  1. ตำแหน่งของฟัน:
    • ฟันหลังต้องรองรับแรงกัดและเคี้ยวอาหาร ทำให้การอุดฟันมีโอกาสสึกหรือแตกหักได้ง่ายกว่า
  2. พฤติกรรมการดูแลช่องปาก:
    • การแปรงฟันสม่ำเสมอ ใช้ไหมขัดฟัน และการเข้ารับการตรวจฟันประจำปี ช่วยให้การอุดฟันมีอายุการใช้งานนานขึ้น
  3. การใช้งานฟัน:
    • การกัดของแข็ง เช่น น้ำแข็ง หรือการใช้ฟันเปิดสิ่งของ อาจทำให้การอุดฟันเสียหายเร็วขึ้น
  4. คุณภาพของวัสดุและฝีมือของทันตแพทย์:
    • การอุดฟันด้วยวัสดุคุณภาพสูงและการทำอย่างถูกต้องโดยทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์ ช่วยยืดอายุการใช้งาน

สรุป

การอุดฟันโดยทั่วไปมีอายุการใช้งานอยู่ระหว่าง 5-20 ปี ขึ้นอยู่กับวัสดุและการดูแลรักษาหลังการอุด หากดูแลช่องปากอย่างดีและเข้าพบ ทันตแพทย์เป็นประจำ เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย การอุดฟันจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ทำให้คุณมีสุขภาพช่องปากที่ดีและใช้งานฟันได้เต็มประสิทธิภาพ.

ปวดฟันอุดฟันได้ไหม

การปวดฟัน สามารถอุดฟันได้ แต่จำเป็นต้องตรวจสอบและรักษาสาเหตุของอาการปวดก่อน โดยทันตแพทย์จะประเมินว่าการอุดฟันสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่ หรือจำเป็นต้องใช้วิธีรักษาอื่น ๆ ร่วมด้วย ขึ้นอยู่กับ สภาพของฟัน และ ความลึกของฟันผุหรือการติดเชื้อ ดังนี้:

กรณีที่อุดฟันได้

หากอาการปวดฟันเกิดจากฟันผุที่ยังไม่ลึกถึงโพรงประสาทฟัน (Pulp) การอุดฟันสามารถช่วยแก้ไขปัญหาได้

  • ตัวอย่างอาการ:
    • ปวดฟันเล็กน้อยเมื่อกินของหวาน หรืออาหารร้อน-เย็น
    • ฟันผุไม่ลึกมาก (อยู่แค่ชั้นเคลือบฟันหรือเนื้อฟัน)

วิธีการรักษา:

  1. ขูดเอาส่วนที่ผุออก
  2. อุดฟันด้วยวัสดุที่เหมาะสม เช่น คอมโพสิตหรืออมัลกัม
  3. หากปวดจากฟันเสียว อาจใช้อุดฟันร่วมกับการเคลือบฟลูออไรด์

กรณีที่อุดฟันไม่ได้ทันที

ถ้าการปวดฟันเกิดจาก การติดเชื้อหรือฟันผุลึกจนถึงโพรงประสาทฟัน การอุดฟันเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ทันตแพทย์อาจต้องรักษาด้วยวิธีอื่นก่อน เช่น:

  1. รักษารากฟัน (Root Canal Treatment):
    • กรณีฟันผุลึกถึงโพรงประสาทจนเกิดการอักเสบ
    • ต้องกำจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อออก แล้วอุดรากฟันก่อนทำการอุดถาวร
  2. ให้ยาปฏิชีวนะและยาแก้อักเสบ:
    • หากมีการติดเชื้อรุนแรงบริเวณเหงือกหรือล้อมรอบรากฟัน ทันตแพทย์อาจให้ยาก่อน
  3. อุดฟันชั่วคราว (Temporary Filling):
    • ในบางกรณี การอุดชั่วคราวอาจใช้ป้องกันเชื้อเพิ่มระหว่างรอการรักษาหลัก

ข้อควรปฏิบัติหากมีอาการปวดฟันก่อนพบแพทย์

  1. ประคบเย็น บริเวณแก้มใกล้ฟันที่ปวดเพื่อลดอาการบวม
  2. หลีกเลี่ยงอาหารแข็งหรือร้อน-เย็นจัด เพื่อลดการกระตุ้นอาการปวด
  3. ใช้ยาบรรเทาปวดชั่วคราว เช่น พาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน
  4. ไปพบทันตแพทย์ทันที เพื่อประเมินอาการและรับการรักษาที่เหมาะสม

สรุป

หากปวดฟันเล็กน้อยและฟันผุยังไม่ลึกมาก การอุดฟันสามารถช่วยแก้ปัญหาได้ แต่หากฟันผุลึกจนถึงโพรงประสาทฟัน การรักษารากฟันหรือหัตถการอื่นอาจจำเป็นก่อนการอุดฟัน ดังนั้น ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็กอย่างละเอียดเสมอ อย่าฝืนอุดฟันหากยังมีอาการปวดรุนแรง เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาลุกลามในอนาคต.

ฟันผุ ปวดฟัน ปล่อยไว้ยิ่งบานปลาย นอกจากต้องทนกับอาการปวดแล้วอาจจะมีการติดเชื้อ อุดฟันอุบลราชธานี ช่วยแก้ปัญหา ประหยัดเวลาการรักษา ฟันผุจะไม่ลุกลาม

ทำไมต้องอุดฟันสีดำ

การอุดฟันด้วย วัสดุอมัลกัม (Amalgam) ซึ่งมักมีลักษณะเป็นสีเทา-ดำ มีประโยชน์และความเหมาะสมในบางกรณี ต่อไปนี้คือเหตุผลที่หลายคนยังเลือกใช้วัสดุอุดฟันสีดำ แม้ว่าจะมีทางเลือกอื่นอย่าง คอมโพสิตเรซิน (Composite) ที่มีสีใกล้เคียงกับฟัน:

เหตุผลที่ต้องอุดฟันสีดำ (อมัลกัม)

  1. ความทนทานสูง
    • อมัลกัมมีความทนทานต่อแรงกัดและแรงเคี้ยวมากกว่าเมื่อเทียบกับคอมโพสิต
    • เหมาะสำหรับอุดฟันกรามและฟันหลังที่ต้องรองรับแรงเคี้ยวอย่างหนัก
  2. อายุการใช้งานนาน
    • การอุดฟันด้วยอมัลกัมสามารถอยู่ได้นานกว่า 10-15 ปี หรือนานกว่านั้น
    • จึงเป็นตัวเลือกที่ดีในระยะยาว โดยเฉพาะในกรณีที่ไม่ต้องการเข้ารับการอุดฟันใหม่บ่อย ๆ
  3. ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
    • การอุดฟันด้วยอมัลกัมมักมีราคาถูกกว่าการใช้คอมโพสิตหรือพอร์ซเลน
    • เป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเมื่อผู้ป่วยต้องการลดค่าใช้จ่าย
  4. ง่ายต่อการติดตั้งและทนต่อความชื้น
    • อมัลกัมสามารถใช้งานได้ดีแม้ในสภาวะที่มีความชื้นในช่องปาก เช่น ฟันหลัง ซึ่งอาจทำให้ยากต่อการควบคุมความแห้ง
    • วัสดุอื่นอย่างคอมโพสิตต้องการการควบคุมความแห้งอย่างเข้มงวดในระหว่างการอุด
  5. ทนต่อการเสื่อมสภาพ
    • อมัลกัมไม่หดตัวหรือเปลี่ยนรูปเมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งลดความเสี่ยงของฟันผุซ้ำ
    • ในขณะที่คอมโพสิตมีโอกาสหดตัวและเกิดช่องว่างระหว่างวัสดุอุดกับฟัน ทำให้เสี่ยงต่อการผุซ้ำ
  6. เหมาะกับการอุดฟันขนาดใหญ่
    • อมัลกัมเหมาะกับการอุดฟันที่มีโพรงใหญ่ เพราะมีความแข็งแรงมาก
    • ในบางกรณี คอมโพสิตอาจไม่เหมาะสำหรับการอุดฟันที่ต้องรองรับน้ำหนักมาก ๆ

ข้อเสียของการอุดฟันสีดำ

  • สีเงินหรือสีดำของอมัลกัมทำให้ดูไม่สวยงามเมื่อเทียบกับวัสดุสีเหมือนฟัน เช่น คอมโพสิต
  • อาจไม่เหมาะกับการอุดฟันหน้า เพราะสีตัดกับฟันธรรมชาติ
  • มีส่วนผสมของปรอท แม้จะอยู่ในปริมาณปลอดภัย แต่บางคนอาจกังวลเรื่องสุขภาพ

สรุป

การอุดฟันด้วยวัสดุสีดำ (อมัลกัม) มีข้อดีในด้านความทนทานและอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยเฉพาะสำหรับฟันหลังที่ต้องรองรับแรงเคี้ยวสูง แม้จะไม่สวยงามเท่าวัสดุอุดสีขาวอย่างคอมโพสิต แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในแง่ของความคุ้มค่าและความแข็งแรง ทันตแพทย์จึงอาจแนะนำการอุดฟันสีดำในกรณีที่ต้องการความทนทานหรือการรักษาในบริเวณที่ไม่เน้นความสวยงาม.