ปวดฟันกราม ฟันผุลึก รักษารากฟันอุบลที่ไหนดี ปรึกษาก่อนรักษา

ปวดฟันกราม ปวดแบบตุบๆ สาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง

อาการปวดฟันกรามที่ปวดแบบตุบๆ และบางครั้งปวดจนถึงหู อาจเกิดจากหลายสาเหตุได้ เช่น:

  1. ฟันผุลึก: หากมีฟันผุที่ลึกจนเข้าไปถึงเส้นประสาทฟัน อาจทำให้เกิดอาการปวดแบบตุบๆ ได้ และอาจมีอาการปวดที่ร้าวไปถึงหูได้
  2. เหงือกอักเสบหรือฟันผุที่มีการติดเชื้อ: การติดเชื้อในฟันหรือเหงือกสามารถทำให้เกิดอาการปวดได้ และบางครั้งอาจส่งผลให้รู้สึกเจ็บไปยังหู
  3. โรคเกี่ยวกับข้อต่อขากรรไกร (TMJ Disorder): ปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อของขากรรไกรอาจทำให้รู้สึกเจ็บทั้งที่ฟันและหู
  4. การบดฟัน (Bruxism): การที่เราเครียดหรือบดฟันในขณะนอนหลับอาจทำให้ฟันกรามเจ็บได้ และบางครั้งอาจมีอาการปวดไปถึงหู
  5. ฟันคุด: ฟันกรามที่มีฟันคุดหรือไม่สามารถขึ้นได้ตามปกติอาจทำให้เกิดอาการปวดและการอักเสบ

จากอาการที่คุณบอก ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบสาเหตุที่แน่ชัดโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะถ้าปวดจนมีอาการบวม หรือติดเชื้อ เพราะถ้ามีการติดเชื้ออาจต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ค่ะ

วิธีการบรรเทาปวดเบื้องต้น

การบรรเทาปวดฟันกรามเบื้องต้นสามารถทำได้ดังนี้:

  1. การใช้ยาแก้ปวด:
    • ใช้ยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ทั่วไป เช่น พาราเซตามอล (Paracetamol) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อบรรเทาอาการปวด อย่าลืมอ่านคำแนะนำการใช้ยาและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
  2. การใช้น้ำเกลือล้างปาก:
    • ผสมน้ำเกลือ (ประมาณ 1/2 ช้อนชาในน้ำอุ่น 1 แก้ว) แล้วใช้กลั้วปากเพื่อช่วยลดการอักเสบและช่วยให้แผลในปากหรือเหงือกหายเร็วขึ้น
  3. ประคบเย็นหรือร้อน:
    • ใช้ผ้าหรือกระเป๋าน้ำร้อน/เย็น ประคบบริเวณที่ปวดฟัน เพื่อช่วยลดอาการบวมและบรรเทาปวดได้ (ควรระวังไม่ให้กระเป๋าน้ำร้อน/เย็นสัมผัสผิวโดยตรง)
  4. หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ปวด:
    • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่ร้อนหรือเย็นจัด รวมถึงอาหารแข็งหรือเหนียว ที่อาจทำให้ฟันกรามที่ปวดยิ่งรู้สึกเจ็บมากขึ้น
  5. การรักษาความสะอาดในช่องปาก:
    • ควรแปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน และใช้ไหมขัดฟันเพื่อกำจัดเศษอาหารที่ติดค้างระหว่างฟันที่อาจทำให้การอักเสบแย่ลง

แม้ว่าวิธีเหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการได้ชั่วคราว แต่หากปวดฟันยังคงอยู่หรือมีอาการที่รุนแรงขึ้น ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาอย่างละเอียดค่ะ

ปวดฟันกรามจากสาเหตุฟันผุ

หากทันตแพทย์วินิจฉัยว่าฟันผุลึก การรักษาทางการแพทย์จะขึ้นอยู่กับความลึกของฟันผุและสภาพของฟัน โดยมีวิธีการรักษาหลักๆ ดังนี้:

  1. การอุดฟัน:
    • หากฟันผุลึกแต่ยังไม่ลุกลามถึงเส้นประสาท ฟันสามารถได้รับการอุดด้วยวัสดุอุดฟัน เช่น อมัลกัม (amalgam) หรือวัสดุคอมโพสิต (composite) ซึ่งจะช่วยปิดช่องผุและป้องกันการติดเชื้อ
  2. การรักษารากฟัน (การรักษาคลองรากฟัน):
    • หากฟันผุลึกจนทำให้เกิดการติดเชื้อที่รากฟันหรือเส้นประสาทฟัน การรักษารากฟันจะช่วยขจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อออกและเติมวัสดุในช่องรากเพื่อรักษาฟันให้สามารถใช้งานได้
    • ขั้นตอนนี้จะรวมถึงการเปิดฟันเพื่อล้างช่องรากและเติมวัสดุที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อในอนาคต
  3. การครอบฟัน (Crown):
    • หากฟันผุลึกจนมีการทำลายโครงสร้างฟันมาก การครอบฟัน (Crown) จะช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงและรูปร่างของฟัน โดยการครอบฟันที่ทำจากวัสดุโลหะหรือเซรามิก
  4. การถอนฟัน:
    • หากฟันผุลึกและมีการติดเชื้ออย่างรุนแรงจนไม่สามารถรักษาให้ฟันอยู่ได้ ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ถอนฟันออกแล้วพิจารณาทางเลือกอื่นๆ เช่น การปลูกรากฟันเทียมหรือสะพานฟัน (Bridge) เพื่อทดแทนฟันที่หายไป

การรักษาจะขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายของฟันที่เกิดขึ้น หากมีการติดเชื้อหรือการทำลายของเนื้อฟันอย่างรุนแรง การรักษารากฟันหรือการถอนฟันอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาต่อไปในอนาคตค่ะ

การรักษารากฟันกรามที่ผุ

การรักษารากฟันกรามที่ผุจะใช้เวลาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความลึกของฟันผุ ระดับของการติดเชื้อ และการตอบสนองของร่างกายต่อการรักษา โดยทั่วไปการรักษารากฟันจะใช้เวลาหลายขั้นตอนและอาจใช้เวลาหลายครั้งในการรักษา ดังนี้:

1. การรักษารากฟันครั้งแรก:

  • การทำความสะอาดรากฟัน: ทันตแพทย์จะทำการเปิดฟันเพื่อล้างช่องรากฟันและขจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อออก หลังจากนั้นจะทำการทำความสะอาดช่องรากฟันด้วยเครื่องมือพิเศษ
  • การใช้ยาฆ่าเชื้อ: อาจมีการใช้ยาฆ่าเชื้อในช่องรากฟันเพื่อช่วยลดการติดเชื้อเพิ่มเติม
  • การปิดช่องรากฟันชั่วคราว: หลังจากการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ ช่องรากฟันจะถูกปิดชั่วคราวเพื่อให้การรักษาฟันสมบูรณ์

การรักษาครั้งแรกนี้อาจใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง

2. การรักษารากฟันครั้งที่สอง (หากจำเป็น):

  • การเติมวัสดุในช่องรากฟัน: ในครั้งถัดไป ทันตแพทย์จะทำการบรรจุวัสดุอุดช่องรากฟันที่ได้รับการทำความสะอาดและฆ่าเชื้อแล้ว (เช่น กาวหรือวัสดุซิลิโคน) เพื่อให้รากฟันแข็งแรงขึ้น
  • การครอบฟัน: หากฟันมีการทำลายมาก อาจจำเป็นต้องครอบฟันเพื่อรักษารูปร่างและความแข็งแรงของฟัน

การรักษาครั้งที่สองนี้อาจใช้เวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงเช่นกัน

3. จำนวนครั้งในการรักษา:

  • การรักษารากฟันกรามที่ผุโดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 1-2 ครั้ง แต่หากมีการติดเชื้อรุนแรงหรือฟันเสียหายมาก การรักษาอาจต้องใช้เวลามากขึ้น
  • หากมีการติดเชื้อที่รากฟันมาก ทันตแพทย์อาจต้องนัดติดตามผลเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการติดเชื้อเหลืออยู่

โดยรวมแล้ว การรักษารากฟันจะใช้เวลา 1-2 ครั้งเป็นส่วนใหญ่ แต่ในบางกรณีอาจต้องใช้เวลามากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับสภาพของฟันและความรุนแรงของการติดเชื้อค่ะ

ฟันกรามที่ผุมากจะต้องทำครอบฟันด้วยหรือไม่

การทำ ครอบฟัน (Dental Crown) หลังจากการรักษารากฟันเป็นขั้นตอนที่มักจะจำเป็นสำหรับฟันกรามที่ผุมาก เนื่องจากการรักษารากฟันจะทำให้เนื้อฟันที่ยังเหลืออยู่บางลงและอ่อนแอลงมาก ซึ่งทำให้ฟันมีความเสี่ยงต่อการแตกหักหรือเกิดปัญหาด้านความแข็งแรงในอนาคต

เหตุผลที่ต้องทำครอบฟัน:

  1. ฟื้นฟูความแข็งแรงของฟัน:
    • หลังจากที่ทันตแพทย์ทำการรักษารากฟัน ฟันจะสูญเสียความแข็งแรงบางส่วนเนื่องจากการเอาเนื้อฟันออกระหว่างการรักษา การทำครอบฟันจะช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับฟันและป้องกันการแตกหัก
  2. ป้องกันการติดเชื้อซ้ำ:
    • ครอบฟันช่วยป้องกันไม่ให้เศษอาหารหรือเชื้อแบคทีเรียเข้าไปในช่องรากฟันที่ได้รับการรักษาแล้ว ลดโอกาสการติดเชื้อซ้ำ
  3. การฟื้นฟูรูปร่างและการทำงานของฟัน:
    • ฟันกรามมักต้องทำหน้าที่บดเคี้ยวอาหาร ครอบฟันจะช่วยให้ฟันสามารถทำงานได้ดีเหมือนเดิม โดยไม่เสี่ยงที่จะทำให้เกิดปัญหาหรือความไม่สบายในการเคี้ยวอาหาร

เมื่อใดที่ไม่จำเป็นต้องทำครอบฟัน:

  • หากฟันมีการเสียหายไม่มากหรือหากฟันยังมีโครงสร้างฟันที่ดีอยู่พอสมควร ทันตแพทย์อาจเลือกที่จะอุดฟันด้วยวัสดุอุดฟัน (Composite or Amalgam) แทนการทำครอบฟัน โดยการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับสภาพของฟัน

สรุป:

โดยทั่วไปแล้ว หลังจากการรักษารากฟันสำหรับฟันกรามที่ผุมาก การทำ ครอบฟัน เป็นวิธีที่แนะนำเพื่อปกป้องฟันจากการแตกหักและเสริมความแข็งแรงให้ฟัน อย่างไรก็ตาม ทันตแพทย์จะประเมินฟันแต่ละซี่และพิจารณาว่าการครอบฟันเหมาะสมกับกรณีของคุณหรือไม่ค่ะ