ฟันน้ำนมผุเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในเด็กเล็ก แม้ว่าจะเป็นฟันที่จะหลุดไปในที่สุด แต่การละเลยปัญหานี้อาจนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรงกว่าที่คิด ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงสาเหตุที่ทำให้ฟันน้ำนมผุ ผลเสียที่อาจเกิดขึ้น และแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เพื่อให้พ่อแม่สามารถดูแลสุขภาพช่องปากของลูกน้อยได้อย่างถูกวิธี
สาเหตุหลักที่ทำให้ฟันน้ำนมผุ
ฟันน้ำนมมีความอ่อนแอต่อการผุมากกว่าฟันแท้ เนื่องจากมีชั้นเคลือบฟันที่บางกว่า และมีแคลเซียม ฟอสฟอรัสเป็นองค์ประกอบน้อยกว่า ซึ่งสาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ ฟันน้ำนมผุ มีดังนี้:
- การทำความสะอาดช่องปากไม่ทั่วถึง: นี่คือสาเหตุอันดับต้นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถแปรงฟันได้เองอย่างมีประสิทธิภาพ หากแปรงฟันไม่สะอาด เศษอาหารและคราบจุลินทรีย์จะสะสมอยู่บนผิวฟันและซอกฟัน ทำให้แบคทีเรียผลิตกรดออกมาทำลายผิวฟัน
- พฤติกรรมการบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม:
- การดื่มนมคาขวดหรือเต้านมขณะนอนหลับ: เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิด “ฟันผุในเด็กเล็กจากการดื่มนม” (Nursing Bottle Caries) น้ำตาลในนม (ทั้งนมแม่และนมวัว) จะเคลือบผิวฟันตลอดคืน ทำให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีและผลิตกรดทำลายฟัน
- การบริโภคอาหารและขนมหวานบ่อยเกินไป: ขนมหวาน น้ำอัดลม น้ำผลไม้ หรืออาหารที่มีน้ำตาลสูง หากรับประทานบ่อยๆ โดยไม่มีการทำความสะอาดช่องปากตามมา ก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุ
- การได้รับฟลูออไรด์ไม่เพียงพอ: ฟลูออไรด์มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างความแข็งแรงของเคลือบฟันและป้องกันฟันผุ หากเด็กได้รับฟลูออไรด์ไม่เพียงพอ ฟันจะอ่อนแอลงและผุได้ง่ายขึ้น
- สุขอนามัยในช่องปากของผู้ดูแล: บางครั้งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดฟันผุสามารถถ่ายทอดจากผู้ดูแลไปสู่เด็กได้ เช่น การใช้ช้อนร่วมกัน หรือการเป่าอาหารให้เย็น
- ลักษณะโครงสร้างฟัน: เด็กบางคนอาจมีโครงสร้างฟันที่ไม่สมบูรณ์ หรือมีร่องฟันที่ลึก ทำให้เศษอาหารติดง่ายและทำความสะอาดได้ยาก
ผลเสียร้ายแรงของการปล่อยให้ฟันน้ำนมผุมากขึ้น
หลายคนเข้าใจผิดว่าฟันน้ำนมไม่สำคัญ เพราะสุดท้ายก็ต้องหลุดไป แต่ความจริงแล้ว การปล่อยให้ ฟันน้ำนมผุ มีผลเสียที่ตามมามากมาย ดังนี้:
- อาการปวดและไม่สบายตัว: ฟันผุจะทำให้เด็กมีอาการปวดฟัน เสียวฟัน โดยเฉพาะเวลาเคี้ยวอาหาร ดื่มน้ำเย็น หรือกินของหวาน อาการปวดนี้จะรบกวนการนอนหลับ การเรียนรู้ และอารมณ์ของเด็ก
- ปัญหาการบดเคี้ยวอาหาร: เมื่อปวดฟัน เด็กจะเคี้ยวอาหารได้ไม่สะดวก อาจเลือกกินแต่อาหารอ่อนๆ ส่งผลให้ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน และอาจกระทบต่อการเจริญเติบโต
- ปัญหาด้านการพูดและการออกเสียง: ฟันน้ำนมโดยเฉพาะฟันหน้า มีส่วนสำคัญในการช่วยให้เด็กออกเสียงพยัญชนะบางตัวได้ชัดเจน หากฟันผุหรือหลุดก่อนวัยอันควร อาจทำให้เด็กพูดไม่ชัด
- ผลกระทบต่อความมั่นใจและบุคลิกภาพ: ฟันที่ผุ ดำ หรือหลุดไป อาจทำให้เด็กไม่กล้ายิ้ม ไม่กล้าพูดคุยกับผู้อื่น ส่งผลต่อความมั่นใจและพัฒนาการทางสังคม
- ฟันแท้ขึ้นผิดปกติ:
- ฟันล้ม/ฟันเก: ฟันน้ำนมมีหน้าที่เป็น “พื้นที่จอง” ให้กับฟันแท้ที่จะขึ้นมา หากฟันน้ำนมผุจนต้องถอนก่อนเวลาอันควร ฟันซี่ข้างเคียงอาจล้มเอียงเข้ามาในช่องว่าง ทำให้ฟันแท้ที่อยู่ใต้เหงือกไม่สามารถขึ้นมาในตำแหน่งที่ถูกต้องได้ อาจเกิดปัญหาฟันซ้อนเก หรือฟันฝัง
- ฟันแท้ผุง่ายขึ้น: หากฟันน้ำนมผุรุนแรงจนติดเชื้อลามไปถึงกระดูกขากรรไกร อาจส่งผลกระทบต่อการสร้างฟันแท้ ทำให้ฟันแท้ที่ขึ้นมามีผิวฟันที่ไม่สมบูรณ์ ผุง่าย หรือมีสีผิดปกติ
- การติดเชื้อลุกลาม: หากปล่อยให้ฟันผุทะลุโพรงประสาทฟัน เชื้อแบคทีเรียอาจลุกลามไปสู่ปลายรากฟัน ทำให้เกิดหนอง บวม หรือในกรณีที่รุนแรงมาก อาจลุกลามไปสู่อวัยวะอื่นๆ เช่น เหงือก ขากรรไกร ต่อมน้ำเหลือง และในบางรายอาจติดเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดได้

วิธีรักษาฟันน้ำนมผุ
การรักษา ฟันน้ำนมผุ จะแตกต่างกันไปตามระดับความรุนแรงของการผุ โดยทันตแพทย์สำหรับเด็กจะเป็นผู้ประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสม:
- ฟันผุระยะเริ่มต้น (ยังไม่เป็นรู หรือผุเล็กน้อย):
- การทาฟลูออไรด์วาร์นิช: เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของเคลือบฟันและยับยั้งการลุกลามของฟันผุ
- การเคลือบหลุมร่องฟัน: ในฟันที่มีร่องลึก ทันตแพทย์อาจเคลือบวัสดุพิเศษเพื่อปิดร่องฟัน ป้องกันเศษอาหารและแบคทีเรียเข้าไปสะสม
- ฟันผุที่เป็นรู (แต่ยังไม่ลึกถึงโพรงประสาทฟัน):
- การอุดฟัน: ทันตแพทย์จะกรอเนื้อฟันที่ผุออก ทำความสะอาด และอุดด้วยวัสดุอุดฟัน เช่น คอมโพสิต (สีเหมือนฟัน) หรืออมัลกัม (สีเงิน)
- ฟันผุที่ลึกถึงโพรงประสาทฟัน:
- การรักษารากฟันน้ำนม: หากฟันผุลึกมากจนติดเชื้อที่โพรงประสาทฟัน แต่ยังสามารถเก็บฟันไว้ได้ ทันตแพทย์จะทำการรักษารากฟันเพื่อกำจัดเชื้อโรคภายในโพรงประสาทฟัน จากนั้นจึงทำการอุดฟันและอาจครอบฟันเพื่อปกป้องฟัน
- การครอบฟันน้ำนม: ในกรณีที่ฟันผุเสียหายมากจนไม่สามารถอุดได้อย่างเดียว การครอบฟันด้วยครอบโลหะไร้สนิม (Stainless Steel Crown) หรือครอบสีเหมือนฟัน จะช่วยปกป้องฟันและให้เด็กใช้งานฟันได้ตามปกติ
- ฟันผุที่รุนแรงมาก หรือมีการติดเชื้อลุกลาม:
- การถอนฟันน้ำนม: หากฟันผุมากจนไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้แล้ว หรือมีการติดเชื้อรุนแรงที่อาจส่งผลต่อฟันแท้ ทันตแพทย์อาจพิจารณาถอนฟันซี่นั้นออก ซึ่งมักจะตามมาด้วยการใส่เครื่องมือกันที่ (Space Maintainer) เพื่อรักษาช่องว่างไม่ให้ฟันข้างเคียงล้มเอียงเข้ามา
การป้องกันดีที่สุด
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันไม่ให้ ฟันน้ำนมผุ ตั้งแต่แรกเริ่ม ด้วยการดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ:
- เริ่มทำความสะอาดช่องปากตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้น: ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเช็ดเหงือกและฟันของลูก
- แปรงฟันให้ถูกวิธีและใช้ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์: สำหรับเด็กเล็ก ควรใช้ยาสีฟันในปริมาณที่เหมาะสม (เท่าเมล็ดข้าวสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ขวบ และเท่าเม็ดถั่วเขียวสำหรับเด็ก 3-6 ขวบ)
- ควบคุมพฤติกรรมการกิน: ลดการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง โดยเฉพาะก่อนนอน และหลีกเลี่ยงการให้ลูกนอนหลับคาขวดนมหรือเต้านม
- พาไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ: ควรพาลูกไปพบทันตแพทย์เด็กตั้งแต่ฟันซี่แรกขึ้น หรือไม่เกินอายุ 1 ปี เพื่อตรวจสุขภาพฟัน รับคำแนะนำในการดูแล และตรวจหาฟันผุตั้งแต่ระยะเริ่มต้น
การดูแล ฟันน้ำนมผุ อย่างถูกวิธีและทันท่วงที จะช่วยให้ลูกน้อยมีสุขภาพช่องปากที่ดี มีพัฒนาการที่สมวัย และเตรียมพร้อมสำหรับการขึ้นของฟันแท้ที่แข็งแรงในอนาคต หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยหรือกังวลเรื่องฟันของลูกน้อย อย่าลังเลที่จะปรึกษาทันตแพทย์เด็กเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสม
คลินิกทันตกรรมคูณของเรา มีทันตแพทย์เฉพาะทางสำหรับเด็กนะคะ อุดฟันเด็ก ถอนฟันน้ำนม เคลือบฟลูออไรด์ มาปรึกษาเราได้ค่ะ