วิธีดูแลฟันแท้ให้อยู่กับเราไปนานๆ
การดูแลฟันแท้ของผู้ใหญ่เพื่อป้องกันการเกิดฟันผุสามารถทำได้ดังนี้:
- แปรงฟันอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ:
- แปรงฟันวันละ 2 ครั้งเช้าและก่อนนอน โดยใช้แปรงฟันที่มีขนแปรงนุ่มและยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ เพื่อช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียและป้องกันฟันผุ
- แปรงฟันในลักษณะวงกลมเล็ก ๆ และไม่แปรงฟันแรงเกินไปเพื่อลดการทำลายเหงือกและฟัน
- ใช้ไหมขัดฟัน:
- การใช้ไหมขัดฟันช่วยทำความสะอาดระหว่างฟันที่แปรงฟันไม่สามารถเข้าถึงได้ ช่วยลดการสะสมของคราบพลัคที่เป็นสาเหตุหลักของฟันผุ
- การใช้ล้างปาก (Mouthwash):
- ล้างปากด้วยน้ำยาบ้วนปากที่มีฟลูออไรด์ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟัน และลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง:
- น้ำตาลเป็นอาหารหลักของแบคทีเรียในช่องปากที่สามารถผลิตกรดซึ่งทำลายฟันให้เกิดฟันผุได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการทานขนมหวานหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลในปริมาณสูงบ่อย ๆ
- การตรวจสุขภาพฟันประจำปี:
- การไปพบหมอฟันอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งเพื่อทำความสะอาดฟันอย่างละเอียด (การขูดหินปูน) และตรวจสุขภาพช่องปากและฟันช่วยให้เราทราบถึงปัญหาฟันผุหรือโรคปากอื่น ๆ ตั้งแต่เนิ่น ๆ
- กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อฟัน:
- ควรกินอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามิน D เช่น นมและผลิตภัณฑ์จากนม ปลา ผักใบเขียว ซึ่งช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟัน
- ดื่มน้ำสะอาด:
- ดื่มน้ำสะอาดเป็นประจำเพื่อช่วยลดกรดในช่องปากและช่วยให้ช่องปากชุ่มชื้น ลดการสะสมของแบคทีเรีย
การดูแลฟันในระยะยาวและทำตามขั้นตอนเหล่านี้สามารถช่วยป้องกันฟันผุและโรคฟันอื่น ๆ ได้ดีค่ะ
อาหารที่บำรุงสุขภาพฟันแท้
อาหารที่บำรุงสุขภาพฟันและสามารถหากินได้ง่ายในราคาที่ไม่แพง มีหลายประเภทที่มีประโยชน์ต่อการบำรุงฟันและเหงือก ดังนี้:
- ผักใบเขียว (เช่น ผักบุ้ง คะน้า ปวยเล้ง):
- ผักใบเขียวมีวิตามิน A, C และแคลเซียม ซึ่งช่วยเสริมสร้างฟันให้แข็งแรง และช่วยบำรุงเหงือก
- โยเกิร์ต (โดยเฉพาะแบบธรรมชาติที่ไม่มีน้ำตาลเพิ่ม):
- โยเกิร์ตมีแคลเซียมสูงและช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟัน นอกจากนี้ยังมีโปรไบโอติกที่ช่วยรักษาสมดุลในช่องปากและป้องกันการเกิดฟันผุ
- ผลไม้ที่มีวิตามิน C (เช่น ส้ม มะละกอ สตรอว์เบอร์รี):
- วิตามิน C ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเหงือกและเนื้อเยื่อในช่องปาก ช่วยให้เหงือกแข็งแรงและป้องกันการเกิดโรคเหงือก
- แอปเปิ้ล:
- แอปเปิ้ลมีไฟเบอร์สูงและช่วยกระตุ้นการหลั่งน้ำลาย ซึ่งช่วยทำความสะอาดฟันและลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก
- ถั่ว (เช่น ถั่วเหลือง ถั่วเขียว):
- ถั่วมีแคลเซียมสูงและโปรตีน ซึ่งช่วยบำรุงฟันและกระดูกให้แข็งแรง
- ปลาและอาหารทะเล (เช่น ปลาซาร์ดีน ปลากระป๋อง):
- ปลาและอาหารทะเลมีแคลเซียมและวิตามิน D ซึ่งช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียมไปยังฟันและกระดูก ทำให้ฟันแข็งแรง
- ชีส (โดยเฉพาะชีสที่ไม่มีการปรุงรส):
- ชีสมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟัน และช่วยป้องกันการเกิดฟันผุ
- น้ำเปล่า:
- การดื่มน้ำเปล่าช่วยรักษาความชุ่มชื้นในช่องปากและทำความสะอาดฟันจากคราบพลัคและเศษอาหารที่หลงเหลือในช่องปาก
- แครอทและแตงกวา:
- ผักสดเช่นแครอทและแตงกวาช่วยทำความสะอาดฟันขณะเคี้ยว และมีวิตามิน A ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับฟัน
การบริโภคอาหารเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้ฟันและเหงือกของคุณแข็งแรงและลดความเสี่ยงจากฟันผุและโรคเหงือกได้ค่ะ

จะสังเกตุได้อย่างไรบ้างว่าฟันเริ่มมีอาการผุ
การสังเกตอาการฟันผุในระยะเริ่มต้นสามารถทำได้ดังนี้:
- มีจุดสีขาวบนฟัน:
- ฟันที่เริ่มมีการผุในระยะแรกอาจจะปรากฏจุดสีขาวบริเวณผิวฟัน ซึ่งเกิดจากการที่แร่ธาตุจากฟันถูกละลายออกไปเนื่องจากกรดจากแบคทีเรีย นี่คือสัญญาณแรกที่บ่งบอกว่าฟันเริ่มสูญเสียแร่ธาตุ
- ฟันมีสีคล้ำหรือเป็นจุดสีเทา:
- เมื่อฟันผุรุนแรงขึ้น ฟันอาจเริ่มมีสีคล้ำหรือเป็นจุดสีเทาเนื่องจากการเกิดฟันผุที่ลึกขึ้นไปในชั้นฟัน
- รู้สึกเสียวฟันหรือเจ็บเมื่อกินอาหารหรือดื่มของร้อน/เย็น:
- เมื่อฟันผุเริ่มลึกขึ้น อาจทำให้เส้นประสาทภายในฟันได้รับผลกระทบ ทำให้รู้สึกเสียวฟันหรือเจ็บเวลาที่สัมผัสกับของร้อนหรือเย็น
- มีคราบหรือเศษอาหารติดตามซอกฟัน:
- ฟันที่มีการผุอาจจะทำให้มีการสะสมของคราบอาหารหรือคราบพลัคในพื้นที่ที่ผุ ซึ่งจะทำให้เกิดคราบสกปรกที่ทำความสะอาดได้ยาก
- มีกลิ่นปากหรือรสชาติไม่พึงประสงค์:
- การผุของฟันอาจทำให้เกิดกลิ่นปากหรือรสชาติในปากที่ไม่ดี เนื่องจากแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในพื้นที่ที่ผุ
- ฟันแตกหักหรือชิ้นส่วนฟันหลุดออก:
- เมื่อฟันผุไปถึงชั้นที่ลึกขึ้น ฟันอาจแตกหักหรือชิ้นส่วนฟันอาจหลุดออกมา ซึ่งเป็นสัญญาณของฟันที่ผุไปถึงจุดที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยการฟื้นฟูธรรมดา
หากคุณสังเกตเห็นอาการเหล่านี้ ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อให้ทำการตรวจสอบและรักษาฟันก่อนที่ปัญหาจะลุกลามไปมากขึ้นค่ะ
การใช้สิทธิประกันสังคมเพื่อถอนฟันโดยไม่ต้องสำรองจ่าย
การใช้สิทธิประกันสังคมเพื่อถอนฟันผุที่คลินิกทันตกรรมเอกชนโดยไม่ต้องสำรองจ่าย สามารถทำได้ตามขั้นตอนดังนี้:
- ตรวจสอบสิทธิ์:
- ตรวจสอบว่าคุณมีสิทธิประกันสังคมและสิทธิ์ในส่วนของการรักษาฟันผ่านประกันสังคมหรือไม่ โดยทั่วไปแล้วการถอนฟันผุหรือการรักษาทางทันตกรรมอื่น ๆ จะได้รับสิทธิ์การรักษาผ่านประกันสังคมเฉพาะในคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานประกันสังคม
- ค้นหาคลินิกทันตกรรมที่รองรับสิทธิประกันสังคม:
- คุณต้องหาคลินิกทันตกรรมเอกชนที่มีการลงทะเบียนเป็นผู้ให้บริการทางการแพทย์ที่สามารถใช้สิทธิประกันสังคมได้ โดยสามารถตรวจสอบได้จากเว็บไซต์สำนักงานประกันสังคมหรือโทรสอบถามที่คลินิกทันตกรรมโดยตรง
- เตรียมเอกสาร:
- ให้เตรียมเอกสารดังนี้:
- บัตรประกันสังคม (หรือบัตรประชาชนถ้าบัตรประกันสังคมหาย)
- ใบรับรองแพทย์หรือใบการรักษาที่คลินิกทันตกรรมออกให้
- เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรักษาฟันผุ (หากจำเป็น)
- ให้เตรียมเอกสารดังนี้:
- ยืนยันสิทธิ์ก่อนรับการรักษา:
- เมื่อไปถึงคลินิกทันตกรรมเอกชน ให้แจ้งเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้สิทธิประกันสังคมสำหรับการถอนฟันผุและขอให้พวกเขายืนยันสิทธิ์ของคุณเพื่อไม่ต้องสำรองจ่าย
- เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจสอบสิทธิ์ของคุณผ่านระบบออนไลน์ของสำนักงานประกันสังคม
- การรักษา:
- เมื่อผ่านการตรวจสอบสิทธิ์แล้ว คุณสามารถรับการรักษาหรือถอนฟันได้ตามขั้นตอนที่คลินิกกำหนด โดยไม่ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายล่วงหน้า
- การจ่ายเงิน:
- หากคุณใช้สิทธิประกันสังคมอย่างถูกต้องและผ่านการตรวจสอบสิทธิ์แล้ว คุณไม่จำเป็นต้องสำรองจ่ายเงินค่ารักษา แต่หากมีค่ารักษาหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ไม่ครอบคลุมโดยประกันสังคม (เช่น การทำฟันเพิ่มเติมที่ไม่ครอบคลุมในสิทธิประกันสังคม) คุณอาจต้องจ่ายส่วนต่าง
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมหรือข้อมูลที่ไม่ชัดเจน คุณสามารถโทรสอบถามกับคลินิกหรือสำนักงานประกันสังคมเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนค่ะ