ฟันหน้าผุ รักษารากฟันอุบล ราคาโปร ปรึกษาก่อนทำได้ ใส่ใจในทุกขั้นตอน

ฟันหน้าผุแต่ยังไม่มีอาการปวดสาเหตุเกิดจากอะไร

อาการฟันหน้าผุโดยที่ยังไม่มีอาการปวดสามารถเกิดจากหลายสาเหตุได้ เช่น:

  1. การสะสมของคราบพลัค (Plaque): คราบพลัคที่เกิดจากแบคทีเรียสามารถสะสมที่ผิวฟันได้ และเมื่อมีการสะสมของกรดจากการย่อยน้ำตาลในอาหาร อาจทำให้เกิดการกัดกร่อนของฟันที่ไม่แสดงอาการเจ็บปวดในขั้นแรก
  2. การขาดแคลเซียมและฟลูออไรด์: การขาดแคลเซียมหรือฟลูออไรด์สามารถทำให้ฟันเปราะบางและเสี่ยงต่อการผุ โดยอาจเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงสีของฟันก่อนจะเกิดอาการปวด
  3. การดูแลฟันที่ไม่เหมาะสม: หากไม่แปรงฟันให้สะอาดหรือไม่ใช้ไหมขัดฟันให้ดี ฟันอาจมีการสะสมของอาหารและคราบพลัคที่ทำให้เกิดการผุได้
  4. การกัดฟันหรือเคี้ยวสิ่งของที่แข็ง: การกัดหรือเคี้ยวสิ่งของแข็งอาจทำให้ฟันเกิดรอยแตกร้าวหรือบิ่น ซึ่งอาจนำไปสู่การผุได้ในระยะยาว

หากคุณเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ฟันหน้าหรือสงสัยว่าฟันมีการผุ ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อการตรวจและการรักษาที่ถูกต้องก่อนที่จะเกิดปัญหาที่รุนแรงขึ้น

ฟันหน้าผุ ถ้าปล่อยไว้นาน จะมีปัญหาอะไรตามมาบ้าง

หากฟันหน้าผุและปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจเกิดปัญหาตามมาได้หลายอย่าง ดังนี้:

  1. การเจ็บปวด: เมื่อการผุของฟันลุกลามไปถึงเนื้อฟันที่มีเส้นประสาท (Pulp) จะทำให้เกิดอาการปวดรุนแรง ซึ่งอาจทำให้รู้สึกไม่สบายหรือเจ็บปวดอย่างมาก
  2. การติดเชื้อ: หากฟันผุไปถึงส่วนที่มีเส้นเลือดและเส้นประสาท อาจเกิดการติดเชื้อและบวมได้ ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย หากไม่ได้รับการรักษาจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อรุนแรง เช่น การติดเชื้อในกระดูกฟัน (Osteomyelitis) หรือการติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง
  3. การสูญเสียฟัน: หากปล่อยให้ฟันผุนานๆ โดยไม่รักษา อาจทำให้ฟันไม่สามารถบูรณะหรือรักษาได้ และอาจจำเป็นต้องถอนฟัน ซึ่งจะทำให้เสียฟันไปและส่งผลต่อการบดเคี้ยว
  4. ผลกระทบต่อสุขภาพเหงือก: การผุของฟันอาจทำให้เหงือกเกิดการอักเสบและติดเชื้อได้ ทำให้เกิดโรคเหงือกที่อาจส่งผลต่อสุขภาพช่องปากโดยรวม
  5. การส่งผลต่อการพูดหรือการทำกิจกรรมอื่นๆ: ฟันหน้าผุที่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้การพูดหรือการยิ้มดูไม่สวยงาม ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจของบุคคล

การรักษาฟันผุให้เร็วที่สุดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการปล่อยให้ฟันผุนานๆ

ทันตแพทย์มีวิธีรักษาฟันหน้าที่ผุลึกมากยังไงบ้าง

ทันตแพทย์สามารถรักษาฟันหน้าที่ผุลึกมากได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการผุและสภาพของฟัน นี่คือบางวิธีที่ใช้ในการรักษาฟันหน้าผุลึก:

  1. การอุดฟัน (Dental Filling):
    • หากการผุยังไม่ลึกถึงเนื้อฟันที่มีเส้นประสาท การอุดฟันด้วยวัสดุที่เหมาะสม เช่น เรซินคอมโพสิต (Composite Resin) จะช่วยเติมเต็มและปิดรอยผุ ฟันจะดูเป็นธรรมชาติและแข็งแรงขึ้น
    • วัสดุที่ใช้จะมีสีใกล้เคียงกับสีฟันธรรมชาติ ทำให้ฟันหน้าดูสวยงาม
  2. การรักษาคลองรากฟัน (Root Canal Treatment):
    • หากการผุลึกจนถึงเนื้อฟันที่มีเส้นประสาท (Pulp) ทำให้เกิดการอักเสบหรือการติดเชื้อ การรักษาคลองรากฟันจะเป็นการทำความสะอาดช่องภายในฟันและกำจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อ
    • หลังจากนั้นจะเติมวัสดุในคลองรากฟัน และสุดท้ายอาจต้องทำการอุดฟันหรือครอบฟัน
  3. การครอบฟัน (Dental Crown):
    • หากฟันที่ผุมีการสึกหรอหรือเสียหายมากเกินไปจนไม่สามารถรักษาด้วยการอุดฟันได้ การครอบฟันจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
    • ครอบฟันช่วยเสริมความแข็งแรงและรูปลักษณ์ของฟันที่เสียหายให้กลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม
  4. การถอนฟัน (Tooth Extraction):
    • หากฟันผุรุนแรงจนไม่สามารถรักษาหรือฟื้นฟูได้ ฟันอาจต้องถูกถอนออก
    • หลังจากการถอนฟันแล้ว ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ทำการฝังฟันเทียมหรือสะพานฟัน (Dental Bridge) เพื่อทดแทนฟันที่หายไป
  5. การบูรณะฟันด้วยวัสดุคอมโพสิต (Composite Bonding):
    • หากฟันหน้ามีการผุเล็กน้อยถึงปานกลาง การใช้วัสดุคอมโพสิตทำการบูรณะฟันเป็นวิธีที่สะดวกและได้ผลดี วัสดุนี้จะถูกเติมเข้าไปในส่วนที่ผุแล้วขึ้นรูปตามลักษณะของฟัน

การรักษาฟันหน้าผุลึกนั้นจะขึ้นอยู่กับความลึกและความเสียหายของฟัน หากมีอาการปวดหรือแสดงอาการการติดเชื้อ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสมที่สุด

ในกรณีที่ฟันหน้าผุจนต้องรักษารากฟัน ทันตแพทย์จะมีขั้นตอนในการรักษาอย่างไรบ้าง

การรักษารากฟัน (Root Canal Treatment) สำหรับฟันหน้าที่ผุลึกมากนั้นเป็นกระบวนการที่ทันตแพทย์จะต้องทำเพื่อรักษาฟันที่มีการติดเชื้อในรากฟันหรือเนื้อเยื่อภายในฟัน โดยการรักษารากฟันจะมีขั้นตอนดังนี้:

1. การตรวจและการวินิจฉัย

  • ทันตแพทย์จะทำการตรวจฟันด้วยการ X-ray เพื่อประเมินระดับความลึกของการผุและดูว่ามีการติดเชื้อในคลองรากฟันหรือไม่
  • หากมีการติดเชื้อหรือฟันเสียหายมากเกินไป การรักษารากฟันจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

2. การฉีดยาชา (Anesthesia)

  • ก่อนการรักษา ทันตแพทย์จะทำการฉีดยาชาในบริเวณที่ต้องการรักษา เพื่อให้ผู้ป่วยไม่รู้สึกเจ็บขณะทำการรักษา
  • ฟันจะถูกทำให้ชาและไม่รู้สึกเจ็บตลอดกระบวนการ

3. การเปิดช่องฟัน (Access Opening)

  • ทันตแพทย์จะทำการเปิดช่องที่ด้านบนของฟัน (ด้านที่มีการผุ) เพื่อเข้าถึงคลองรากฟันและเนื้อเยื่อที่มีการติดเชื้อหรือผุ
  • อาจใช้เครื่องมือเล็กๆ ที่ละเอียดในการทำการเปิดช่อง

4. การทำความสะอาดคลองรากฟัน (Cleaning the Root Canals)

  • ทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือเฉพาะทำความสะอาดคลองรากฟัน ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญในการกำจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อและการผุ
  • จะมีการล้างคลองรากฟันด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าการติดเชื้อจะไม่กลับมา

5. การขยายคลองรากฟัน (Shaping the Root Canals)

  • คลองรากฟันจะต้องถูกขยายให้กว้างขึ้นเพื่อให้สามารถเติมวัสดุที่ใช้ปิดช่องว่างได้ดี
  • ทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือพิเศษในการขยายคลองรากฟันให้เหมาะสม

6. การเติมวัสดุเพื่อปิดคลองรากฟัน (Filling the Root Canals)

  • หลังจากที่คลองรากฟันสะอาดและขยายแล้ว ทันตแพทย์จะทำการเติมวัสดุชนิดพิเศษที่มีคุณสมบัติในการปิดช่องว่างและป้องกันการติดเชื้อที่อาจเกิดขึ้นใหม่
  • วัสดุนี้จะช่วยป้องกันการกลับมาของเชื้อโรคในอนาคต

7. การปิดช่องเปิด (Sealing the Access Opening)

  • หลังจากที่คลองรากฟันถูกเติมวัสดุแล้ว ทันตแพทย์จะทำการปิดช่องเปิดที่ด้านบนของฟันเพื่อให้วัสดุอยู่ในที่เดิมและป้องกันการรั่วซึม

8. การติดตามผลและการตรวจสอบ (Follow-Up)

  • หลังจากการรักษารากฟันเสร็จสิ้น ทันตแพทย์จะนัดตรวจฟันอีกครั้งหลังจากระยะเวลาหนึ่งเพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีการติดเชื้อกลับมาและฟันจะรักษาได้ดี

9. การทำครอบฟัน (Crown)

  • เนื่องจากฟันที่ทำการรักษารากฟันจะมีความอ่อนแอลง ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ทำการครอบฟัน (Dental Crown) เพื่อป้องกันการแตกหักและฟื้นฟูรูปร่างของฟันให้กลับมาเหมือนเดิม

การรักษารากฟันเป็นกระบวนการที่สามารถช่วยรักษาฟันที่ติดเชื้อให้กลับมาใช้งานได้อีกครั้ง โดยไม่จำเป็นต้องถอนฟัน การรักษานี้สามารถรักษาฟันที่ผุและติดเชื้อได้ดีถ้าได้รับการรักษาในระยะเวลาที่เหมาะสม.