มีปัญหาฟันบิ่นรักษาได้ คลินิกอุดฟันอุบลราชธานีดูแลฟันให้กลับมาสวยงามเหมือนเดิม

ฟันบิ่นเกิดจากอะไร

ฟันบิ่นเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น:

  1. การกระแทกหรือการได้รับบาดเจ็บ: เช่น การเกิดอุบัติเหตุ การชน หรือการกัดของแข็งที่มีแรงมากเกินไป
  2. การกัดสิ่งที่แข็งเกินไป: การกัดอาหารหรือวัตถุแข็ง เช่น น้ำแข็ง หรือกระดูก อาจทำให้ฟันบิ่นได้
  3. ฟันผุหรือฟันที่มีความอ่อนแอ: เมื่อฟันมีการผุหรือความเสียหายในโครงสร้าง ฟันอาจจะบิ่นได้ง่ายขึ้น
  4. การกรอฟันหรือการขยี้ฟัน: การขยี้ฟันหรือการกรอฟัน (bruxism) โดยไม่รู้ตัวในช่วงเวลานอนอาจทำให้ฟันบิ่นได้
  5. การเสื่อมสภาพตามอายุ: ฟันอาจจะบิ่นได้ตามอายุที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากฟันสึกหรอและบางลง
  6. การใช้ฟันในลักษณะที่ผิดปกติ: เช่น การใช้ฟันในการเปิดขวดหรือเครื่องมืออื่นๆ ที่ไม่เหมาะสม

การดูแลรักษาฟันอย่างดีและการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้ฟันได้รับบาดเจ็บหรือเสียหายสามารถช่วยป้องกันการเกิดฟันบิ่นได้

ฟันบิ่นจะลุกลามทำให้ฟันเสียไหม

ฟันบิ่นสามารถลุกลามและทำให้ฟันเสียได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง สาเหตุที่อาจทำให้ฟันบิ่นลุกลามมีดังนี้:

  1. การสัมผัสกับแบคทีเรีย: หากฟันบิ่นเปิดช่องให้แบคทีเรียเข้าไปทำลายเนื้อฟันภายใน อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ หรือฟันผุ ซึ่งสามารถทำให้ฟันเสียหายมากขึ้น
  2. ความเสี่ยงของการแตกเพิ่ม: เมื่อฟันบิ่นแล้ว หากไม่ทำการรักษา ฟันอาจจะเสี่ยงต่อการแตกเพิ่มเติมได้ โดยเฉพาะหากมีการกัดหรือเคี้ยวของแข็ง
  3. การเสื่อมสภาพของโครงสร้างฟัน: ฟันที่บิ่นอาจสูญเสียความแข็งแรงและความสามารถในการทำหน้าที่ได้ดี ซึ่งอาจทำให้ฟันอ่อนแอและเสี่ยงต่อการเสียหายมากขึ้น
  4. ความเจ็บปวดและอาการเสียวฟัน: ฟันบิ่นที่ไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดอาการเจ็บปวด หรือฟันเสียวเมื่อสัมผัสกับความร้อนหรือเย็น

การรักษาฟันบิ่นตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น การอุดฟัน หรือการครอบฟันสามารถช่วยป้องกันการลุกลามและรักษาความแข็งแรงของฟันได้

วิธีการรักษาฟันบิ่นต้องทำยังไงบ้าง

การรักษาฟันบิ่นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการบิ่นและตำแหน่งที่บิ่น โดยมีวิธีการรักษาหลักๆ ดังนี้:

  1. การอุดฟัน:
    • หากฟันบิ่นเล็กน้อยและไม่ส่งผลกระทบต่อเนื้อฟันมาก สามารถทำการอุดฟันเพื่อปิดช่องว่างหรือรอยบิ่น เพื่อป้องกันการเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุหรือการติดเชื้อ
  2. การครอบฟัน (Crown):
    • หากฟันบิ่นมากหรือเสียหายจนไม่สามารถอุดได้ ควรทำการครอบฟัน ซึ่งเป็นการใช้วัสดุที่เหมาะสม เช่น เซรามิก หรือโลหะมาครอบฟันที่บิ่นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้ฟัน
  3. การรักษาคลองรากฟัน (Root Canal Treatment):
    • หากฟันบิ่นจนถึงเนื้อในฟัน (เนื้อเยื่อประสาทฟัน) และทำให้เกิดการติดเชื้อ อาจต้องทำการรักษาคลองรากฟัน เพื่อทำความสะอาดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อและป้องกันการติดเชื้อจากการบิ่น
  4. การเติมวัสดุเสริม (Bonding):
    • สำหรับฟันที่บิ่นเล็กน้อย เช่น ฟันหน้าที่บิ่น อาจใช้การเติมวัสดุเสริมเช่น คอมโพสิตเรซิน (Composite Resin) เพื่อคืนรูปทรงและความสวยงามของฟัน
  5. การรักษาอื่นๆ:
    • หากฟันบิ่นมากหรือเกิดปัญหาหนัก ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาที่เหมาะสม เช่น การถอนฟันและการทำฟันปลอม

คำแนะนำเพิ่มเติม: ควรไปพบทันตแพทย์ทันทีเมื่อพบว่าฟันบิ่น เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการลุกลามและการเสียหายที่มากขึ้น.

การรักษาฟันบิ่นใช้วัสดุการอุดแบบไหนดี

การเลือกวัสดุสำหรับการอุดฟันบิ่นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ตำแหน่งของฟันที่บิ่น, ความรุนแรงของการบิ่น, ความต้องการทางด้านความสวยงาม, และความทนทานของวัสดุ โดยวัสดุที่นิยมใช้ในการอุดฟันบิ่นมีดังนี้:

  1. คอมโพสิตเรซิน (Composite Resin):
    • เป็นวัสดุที่นิยมใช้สำหรับฟันหน้าหรือฟันที่ต้องการความสวยงามสูง เพราะสามารถปรับสีให้เหมือนฟันธรรมชาติได้
    • มีความทนทานสูงพอสมควร แต่อาจไม่ทนทานเท่ากับวัสดุอื่นๆ สำหรับฟันที่ต้องการความทนทานมาก
    • ใช้ในการอุดฟันที่บิ่นเล็กน้อยถึงปานกลาง
  2. อมัลกัม (Amalgam):
    • เป็นวัสดุที่มีความทนทานสูงและสามารถใช้ได้กับฟันกรามที่มีแรงกัดสูง
    • เป็นวัสดุที่มีความทนทานในระยะยาว แต่ไม่เหมาะกับฟันหน้าที่ต้องการความสวยงาม เนื่องจากมีสีที่มองเห็นได้ชัด
    • ใช้ในกรณีที่ฟันบิ่นในตำแหน่งที่ไม่เห็นได้ง่าย
  3. เซรามิก (Porcelain or Ceramic):
    • วัสดุเซรามิกมีความทนทานและดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด เหมาะสำหรับฟันหน้าหรือฟันที่ต้องการความสวยงาม
    • สามารถสร้างสีที่เข้ากับฟันธรรมชาติได้อย่างดี
    • แต่มีราคาแพงและอาจแตกได้ง่ายกว่าวัสดุอื่นๆ
  4. ทอง (Gold):
    • เป็นวัสดุที่มีความทนทานสูงและเหมาะสำหรับฟันที่มีการใช้งานหนัก เช่น ฟันกราม
    • ทองมีความทนทานและไม่เกิดการสึกกร่อนง่าย
    • อย่างไรก็ตาม ทองจะเห็นได้ชัดในปาก และอาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความสวยงาม

สรุป:

  • สำหรับฟันหน้าที่ต้องการความสวยงามสูง, คอมโพสิตเรซิน หรือ เซรามิก เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
  • สำหรับฟันกรามที่ต้องการความทนทานและใช้งานหนัก, อมัลกัม หรือ ทอง อาจเป็นตัวเลือกที่ดี

ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเลือกวัสดุที่เหมาะสมที่สุดกับสภาพฟันและความต้องการของคุณ.

หลังจากอุดฟันที่บิ่นแล้วควรมีการดูแลฟันซี่นั้นแบบใด

หลังจากการอุดฟันที่บิ่นแล้ว การดูแลฟันเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและป้องกันปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนี้:

  1. หลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็งทันที:
    • หลังจากการอุดฟัน ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็ง เช่น น้ำแข็ง หรือขนมที่มีความแข็งเพื่อไม่ให้วัสดุที่อุดหลุดหรือแตก
  2. ระมัดระวังเรื่องการกัดหรือขยี้ฟัน:
    • หากคุณมีการขยี้ฟันหรือกรอฟัน (bruxism) ควรบอกทันตแพทย์เพื่อใช้เครื่องมือป้องกัน เช่น เฝือกสบฟัน (night guard) เพื่อป้องกันการเสียดสีและทำให้วัสดุอุดฟันเสื่อมสภาพเร็ว
  3. หลีกเลี่ยงการกินอาหารร้อนหรือเย็นจัด:
    • ในบางกรณีหลังจากการอุดฟันอาจทำให้ฟันมีความไวต่ออุณหภูมิ ร้อนหรือเย็น ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีอุณหภูมิสุดขั้วในช่วงแรกๆ
  4. รักษาความสะอาดของฟัน:
    • แปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้ง โดยใช้แปรงฟันที่มีขนนุ่มและยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ ควรใช้ไหมขัดฟันเพื่อทำความสะอาดบริเวณที่แปรงฟันไม่ถึง เพื่อป้องกันการเกิดฟันผุในรอบขอบวัสดุอุดฟัน
  5. หลีกเลี่ยงการใช้ฟันในงานที่ไม่เหมาะสม:
    • ห้ามใช้ฟันอุดเพื่อเปิดขวดหรือกระทำการที่มีแรงกระแทกมาก เนื่องจากอาจทำให้วัสดุอุดฟันหลุดออกหรือฟันเสียหาย
  6. ตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ:
    • ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คสุขภาพฟันอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทันตแพทย์สามารถตรวจสอบวัสดุอุดฟันและทำการแก้ไขหากพบปัญหาก่อนที่จะลุกลาม

การดูแลฟันที่อุดหลังจากการรักษาจะช่วยให้ฟันยังคงอยู่ในสภาพที่ดีและลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาต่างๆ ในอนาคต.