เริ่มมีอาการเหงือกร่น ส่งผลให้มีปัญหาสุขภาพช่องปาก ดูแลรักษายังไง

เหงือกร่นมีสาเหตุจากอะไร

เหงือกร่นสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งอาจรวมถึง:

  1. การแปรงฟันแรงเกินไป: การแปรงฟันด้วยแรงมากหรือแปรงฟันที่มีขนอ่อนแข็งเกินไปสามารถทำให้เหงือกร่นได้
  2. โรคเหงือก: การติดเชื้อหรือการอักเสบในเหงือก (โรคปริทันต์) ซึ่งหากไม่รักษาอาจทำให้เหงือกยุบตัวลง
  3. การขบฟันหรือการกัดฟัน: การขบฟันหรือการกัดฟันอย่างแรงในขณะหลับอาจทำให้เกิดการเสียดสีและเหงือกร่น
  4. การเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน: โดยเฉพาะในช่วงวัยหมดประจำเดือนหรือการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจทำให้เหงือกมีการเปลี่ยนแปลงและเหงือกร่นได้
  5. การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่ทำให้เหงือกเสี่ยงต่อโรคเหงือกและการร่นของเหงือก
  6. การขาดการดูแลฟันและเหงือก: การทำความสะอาดฟันและเหงือกไม่ดีอาจนำไปสู่การสะสมของคราบพลัคและหินปูน ซึ่งทำให้เหงือกอักเสบและเหงือกร่นได้

หากเหงือกร่นมีผลกระทบหรือเกิดขึ้นบ่อย ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดและได้รับการรักษาที่เหมาะสม.

เหงือกร่นจะกลับมาปกติไหม

การเหงือกร่นไม่สามารถกลับมาปกติได้โดยไม่ผ่านการรักษา เหงือกร่นจะไม่เติบโตกลับขึ้นมาเองเหมือนเดิม แต่สามารถรักษาหรือชะลอการร่นของเหงือกได้หากได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง การรักษามักจะมีหลายทางเลือกตามระดับความรุนแรงของอาการ เช่น:

  1. การรักษาด้วยการทำความสะอาดช่องปาก: การทำความสะอาดหินปูนและคราบจุลินทรีย์จากทันตแพทย์สามารถช่วยลดการระคายเคืองที่เหงือกและช่วยป้องกันไม่ให้เหงือกร่นมากขึ้น
  2. การใช้ไหมขัดฟันและแปรงฟันที่เหมาะสม: การแปรงฟันอย่างอ่อนโยนและการใช้ไหมขัดฟันจะช่วยป้องกันการสะสมของคราบจุลินทรีย์และหินปูน
  3. การรักษาโรคเหงือก: หากเหงือกร่นเกิดจากโรคเหงือก การรักษาโรคเหงือก (เช่น การขูดหินปูนหรือการผ่าตัดเหงือก) อาจช่วยลดอาการเหงือกร่น
  4. การปลูกเหงือก (Gum Grafting): ในกรณีที่เหงือกร่นมากและมีการสูญเสียเนื้อเยื่อเหงือกไป การผ่าตัดปลูกเหงือกสามารถช่วยฟื้นฟูรูปแบบและสุขภาพของเหงือกได้

เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การไปพบทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพครับ

วิธีรักษาเหงือกร่น

การรักษาเหงือกร่นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและสาเหตุที่ทำให้เกิดเหงือกร่น วิธีการรักษามีดังนี้:

1. การรักษาด้วยการปรับพฤติกรรมการแปรงฟัน

  • แปรงฟันอย่างอ่อนโยน โดยใช้แปรงที่ขนแปรงอ่อนและหลีกเลี่ยงการแปรงฟันแรงเกินไป
  • ใช้เทคนิคการแปรงฟันที่ถูกต้อง (แปรงฟันในลักษณะวงกลมหรือทิศทางขวางฟัน)
  • ใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันเพื่อขจัดคราบจุลินทรีย์ที่สะสมในช่องปาก

2. การขูดหินปูน

  • หินปูนที่สะสมบนฟันและเหงือกอาจทำให้เหงือกร่น การขูดหินปูนจากทันตแพทย์สามารถช่วยลดการระคายเคืองและการอักเสบของเหงือก

3. การรักษาโรคเหงือก (โรคปริทันต์)

  • หากเหงือกร่นเกิดจากการติดเชื้อหรือโรคเหงือก การรักษาด้วยการทำความสะอาดลึก (Scaling and Root Planing) หรือการขูดหินปูนลึกจะช่วยลดการอักเสบและการติดเชื้อ

4. การผ่าตัดปลูกเหงือก (Gum Grafting)

  • ในกรณีที่เหงือกร่นมากจนทำให้ฟันมีรอยเปลือยหรือมีการสูญเสียเนื้อเยื่อเหงือกไป การปลูกเหงือก (Gum Grafting) สามารถช่วยฟื้นฟูเหงือกที่หายไป โดยการนำเนื้อเยื่อจากบริเวณอื่นมาผ่าตัดติดกับเหงือกที่ร่น

5. การใช้ยาหรือการรักษาด้วยการแพทย์

  • การใช้ยาต้านการอักเสบหรือลดการติดเชื้อที่เหงือกสามารถช่วยลดอาการบวมและอักเสบได้
  • สำหรับกรณีที่เหงือกร่นเป็นผลจากการเสียดสีจากการกัดฟันหรือปัญหาการสบฟัน ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ใช้การใส่ที่ป้องกันฟัน (night guard) เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเสียดสีกันระหว่างการนอนหลับ

6. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการดูแลช่องปาก

  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่ทำให้เหงือกร่นและมีโอกาสเกิดโรคเหงือกมากขึ้น
  • รักษาสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ และไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบและขูดหินปูนอย่างน้อยปีละครั้ง

การรักษาเหงือกร่นควรทำภายใต้คำแนะนำจากทันตแพทย์ ซึ่งจะช่วยให้คุณเลือกวิธีที่เหมาะสมกับสภาพของเหงือกและฟันของคุณที่สุดครับ