ฟันแท้ผุควรรีบอุดฟัน รู้เร็ว รักษาเร็ว เสียค่าใช้จ่ายน้อย

ปวดฟันต้องอุดฟันเลยหรือไม่

หากคุณมีอาการปวดฟัน การอุดฟันอาจจะเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ไม่จำเป็นต้องทำทันทีจนกว่าจะตรวจสอบสาเหตุของการปวดก่อน อาการปวดฟันสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น ฟันผุ, ฟันกร่อน, หรืออาการของเหงือก หากเป็นฟันผุหรือรอยแตกของฟัน การอุดฟันอาจช่วยป้องกันไม่ให้ปัญหาลุกลาม แต่ถ้าปวดเนื่องจากการติดเชื้อหรือปัญหาจากเหงือก การรักษาอาจจะต้องใช้การทำความสะอาดหรือการรักษาอื่น ๆ เช่น การรักษารากฟัน เป็นต้น

การไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจและวินิจฉัยเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม

ฟันผุแบบไหนที่ต้องให้หมออุดฟัน

ฟันผุที่ต้องอุดฟันคือฟันที่มีการผุทะลุไปถึงชั้นที่ลึกกว่าเคลือบฟัน ซึ่งอาจเกิดจากการสะสมของคราบจุลินทรีย์หรือกรดจากอาหารและเครื่องดื่ม เมื่อการผุถึงชั้นเนื้อฟัน (dentin) หรือชั้นที่ลึกกว่านั้น ฟันจะเริ่มอ่อนแอลงและอาจทำให้เกิดอาการปวดหรือไวต่อความร้อนและความเย็น ในกรณีนี้ การอุดฟันจะช่วยป้องกันไม่ให้การผุกระจายมากขึ้นและช่วยบรรเทาอาการปวดได้

หากฟันผุถึงชั้นรากฟันหรือเกิดการติดเชื้อที่รากฟัน การรักษาด้วยการอุดฟันอาจไม่เพียงพอ ต้องพิจารณาการรักษารากฟันหรือการทำครอบฟันเพื่อปกป้องฟันจากการแตกหรือการสูญเสียฟัน

การไปพบทันตแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาในระยะเริ่มต้นจะช่วยป้องกันการเสียหายที่รุนแรงขึ้น

ฟันแตกอุดฟันได้หรือไม่

ฟันที่แตกสามารถอุดฟันได้ ขึ้นอยู่กับลักษณะของการแตก หากฟันแตกเล็กน้อย หรือแตกเป็นรอยร้าวที่ไม่ลึกมาก การอุดฟันอาจจะช่วยให้ฟันกลับมาแข็งแรงและใช้งานได้ตามปกติ แต่ถ้าฟันแตกลึกจนถึงเนื้อฟัน หรือแตกจนถึงรากฟัน การอุดฟันอาจไม่เพียงพอ และอาจต้องการการรักษาที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การรักษารากฟัน หรือการทำครอบฟันเพื่อปกป้องฟันจากการเสียหายเพิ่มเติม

หากฟันแตกจนมีอาการปวดหรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ควรไปพบทันตแพทย์โดยเร็ว เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม

วิธีการอุดฟันมีกี่แบบ

การอุดฟันมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับสภาพของฟันและการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม โดยหลัก ๆ แล้วมี 4 วิธีหลักในการอุดฟัน:

  1. อุดฟันด้วยวัสดุคอมโพสิต (Composite Resin)
    วัสดุคอมโพสิตเป็นวัสดุที่ใช้ในการอุดฟันที่มีสีใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ เหมาะสำหรับการอุดฟันที่อยู่ในส่วนที่มองเห็น เช่น ฟันหน้าหรือฟันที่มีขนาดไม่ใหญ่เกินไป วัสดุนี้จะถูกผสมและขึ้นรูปตามรูปฟัน จากนั้นจะทำให้แข็งตัวด้วยแสงยูวี
  2. อุดฟันด้วยวัสดุอะมัลกัม (Amalgam)
    อะมัลกัมเป็นวัสดุอุดฟันที่ประกอบด้วยสารผสมของปรอท, เงิน, ทองแดง, และสังกะสี ซึ่งมีความทนทานและแข็งแรง เหมาะสำหรับการอุดฟันที่อยู่ในส่วนที่ไม่สามารถเห็นได้ เช่น ฟันกราม วัสดุนี้มีสีเงินและทนทานต่อแรงบดเคี้ยว
  3. อุดฟันด้วยวัสดุเซรามิก (Ceramic)
    เซรามิกหรือพอร์ซเลนเป็นวัสดุที่มีความทนทานสูงและสีเหมือนฟันธรรมชาติ ใช้สำหรับการอุดฟันที่มองเห็นหรือฟันที่ต้องการความสวยงาม การอุดฟันด้วยวัสดุเซรามิกมักจะใช้ในกรณีที่ฟันผุหนักและต้องการการอุดที่ทนทาน
  4. อุดฟันด้วยวัสดุทองคำ (Gold)
    ทองคำเป็นวัสดุที่มีความทนทานและมีอายุการใช้งานยาวนาน มักจะใช้ในกรณีที่ฟันผุหนักและต้องการวัสดุที่ทนทานต่อการใช้งานหนัก การอุดฟันด้วยทองคำอาจจะไม่เหมาะสำหรับฟันที่มองเห็นเพราะมีสีที่แตกต่างจากฟันธรรมชาติ

การเลือกวิธีการอุดฟันจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของฟันผุ, ตำแหน่งของฟันที่ต้องการอุด, และความต้องการในเรื่องของความสวยงามและความทนทาน

ข้อควรระวังหลังจากอุดฟันแล้ว

หลังจากการอุดฟันแล้ว มีข้อควรระวังบางประการเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพและลดโอกาสเกิดปัญหาในอนาคต:

  1. หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวในช่วงแรก
    หลังจากการอุดฟัน, โดยเฉพาะในช่วง 24 ชั่วโมงแรก ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง, เหนียว หรือร้อนมาก เนื่องจากวัสดุอุดฟันบางประเภทอาจต้องใช้เวลาในการเซ็ตตัวเต็มที่ หรืออาจทำให้วัสดุอุดฟันแตกหักได้
  2. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารร้อนหรือเย็นในช่วงแรก
    ฟันอาจจะไวต่อความร้อนและความเย็นในช่วงหลังการอุดฟัน ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำจนเกินไปในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
  3. ระวังเรื่องความรู้สึกที่ผิดปกติ
    หากคุณรู้สึกว่าอุดฟันมีขนาดสูงเกินไป หรือมีอาการไม่สบาย เช่น ฟันเจ็บเวลาเคี้ยว ควรกลับไปพบทันตแพทย์เพื่อปรับปรุงหรือแก้ไข
  4. รักษาความสะอาดในช่องปาก
    ควรแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างระมัดระวังรอบ ๆ ฟันที่อุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์ ซึ่งอาจทำให้วัสดุอุดฟันเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการใช้แรงกดมากเกินไปในบริเวณที่อุด
  5. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
    การสูบบุหรี่หลังจากการอุดฟันอาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการรักษาฟัน ทำให้การฟื้นฟูฟันช้าลงและอาจทำให้วัสดุอุดฟันเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
  6. ตรวจสอบฟันเป็นระยะ
    ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบฟันที่อุดเป็นประจำตามคำแนะนำ เช่น ทุกๆ 6 เดือน เพื่อให้แน่ใจว่าวัสดุอุดฟันยังคงอยู่ในสภาพดีและไม่มีปัญหาอื่นๆ ที่เกิดขึ้น

การปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้จะช่วยให้ฟันที่อุดมีอายุการใช้งานที่ยาวนานและลดโอกาสเกิดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

อุดฟันผุแล้ว ฟันซี่เดิมมีโอกาสผุอีกหรือไม่

หลังจากการอุดฟันผุแล้ว ฟันซี่เดิมยังมีโอกาสผุได้อีกหากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม แม้ว่าวัสดุอุดฟันจะช่วยปิดกั้นรอยผุและป้องกันไม่ให้การผุกระจาย แต่ฟันยังคงเสี่ยงต่อการผุใหม่ได้หากมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น:

  1. การดูแลช่องปากไม่ดี
    การแปรงฟันไม่สม่ำเสมอ หรือไม่ใช้ไหมขัดฟันอาจทำให้คราบจุลินทรีย์สะสมบนฟันและวัสดุอุดฟัน ซึ่งอาจนำไปสู่การผุใหม่ได้
  2. การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
    การรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูงหรือกรดมาก เช่น น้ำอัดลม หรือขนมหวาน อาจทำให้เกิดการสะสมของกรดในช่องปาก ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการผุของฟันทั้งในส่วนที่อุดและส่วนที่ไม่ได้อุด
  3. การสวมใส่วัสดุอุดฟันที่ไม่เหมาะสม
    หากวัสดุอุดฟันไม่ได้มีคุณภาพดีหรือไม่ตรงกับฟันของคุณ อาจทำให้เกิดการเสื่อมสภาพหรือการหลุดออกของวัสดุอุดฟันได้ ซึ่งทำให้ฟันมีโอกาสผุใหม่
  4. การสูบบุหรี่
    การสูบบุหรี่สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคเหงือกและการสะสมของคราบจุลินทรีย์ ซึ่งอาจนำไปสู่การผุของฟันใหม่

ดังนั้น ฟันที่อุดแล้วก็ยังต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม เช่น การแปรงฟันเป็นประจำ, การใช้ไหมขัดฟัน, การตรวจสุขภาพฟันกับทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันผุใหม่หรือเกิดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการอุดฟัน