อุดฟันประกันสังคมอุบล ไม่ต้องสำรองจ่าย ใช้ทำฟันได้900บาทค่ะ

ฟันผุแบบไหนที่ต้องอุด

ฟันผุที่ต้องอุดจะมีลักษณะดังนี้:

  1. มีโพรงหรือรู
    หากฟันผุจนเกิดโพรงที่สามารถมองเห็นได้หรือรู้สึกได้เมื่อสัมผัสด้วยลิ้น นั่นหมายความว่าชั้นเคลือบฟันถูกทำลายและแบคทีเรียอาจลุกลามสู่ชั้นเนื้อฟัน ควรอุดเพื่อป้องกันการลุกลามไปยังโพรงประสาทฟัน (pulp) ซึ่งอาจทำให้ต้องรักษารากฟันในอนาคต
  2. อาการเสียวฟัน
    ฟันที่มีอาการเสียวเมื่อสัมผัสกับของเย็น ของร้อน หรือของหวาน อาจเป็นสัญญาณว่าฟันผุได้เริ่มเข้าสู่ชั้นเนื้อฟัน (dentin) ซึ่งไวต่อความรู้สึก
  3. ผิวฟันเป็นสีดำหรือน้ำตาล
    หากสังเกตเห็นสีที่ผิดปกติบนฟัน โดยเฉพาะบริเวณหลุมร่องฟัน อาจเป็นจุดที่ฟันผุเริ่มต้น แม้ว่าจะยังไม่มีรูโหว่ก็ควรอุดเพื่อป้องกันการขยายตัว
  4. รู้สึกเจ็บฟันเป็นระยะ
    อาการเจ็บเล็กน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อเคี้ยวอาหารหรือกัดสิ่งของแข็ง เป็นอีกสัญญาณของฟันผุที่อาจเริ่มลึกขึ้น
  5. ฟันผุที่ตรวจพบจากทันตแพทย์
    บางครั้งฟันผุอาจอยู่ในจุดที่มองไม่เห็น เช่น ระหว่างฟันหรือใต้เหงือก ทันตแพทย์จะตรวจพบได้ผ่านการตรวจสอบด้วยเครื่องมือหรือเอ็กซเรย์ และแนะนำให้อุดเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม

หากมีอาการที่กล่าวมาหรือสงสัยว่าฟันผุ ควรรีบพบทันตแพทย์เพื่อตรวจและรับการรักษาอย่างเหมาะสม เพราะการอุดฟันแต่เนิ่นๆ จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว!

อุดฟันมีกี่แบบ

การอุดฟันมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้และความเหมาะสมของการรักษา โดยแบ่งได้ดังนี้:

1. อุดฟันด้วยวัสดุสีโลหะ (Amalgam)

  • คุณสมบัติ: เป็นวัสดุที่มีส่วนผสมของโลหะ เช่น เงิน ทองแดง และปรอท มีความแข็งแรงทนทาน เหมาะกับฟันกรามที่ใช้บดเคี้ยว
  • ข้อดี: แข็งแรง ทนต่อแรงกด แรงบด
  • ข้อเสีย: สีไม่เหมือนฟันธรรมชาติ และมีข้อกังวลเรื่องความปลอดภัยของปรอทในบางกรณี

2. อุดฟันด้วยวัสดุสีเหมือนฟัน (Composite Resin)

  • คุณสมบัติ: เป็นวัสดุเรซินที่สามารถปรับแต่งสีให้เหมือนฟันธรรมชาติ ใช้ในฟันหน้าและฟันหลังที่มองเห็นได้
  • ข้อดี: สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ
  • ข้อเสีย: อาจไม่ทนทานเท่า Amalgam และราคาอาจสูงกว่า

3. อุดฟันด้วยวัสดุเซรามิก (Ceramic or Porcelain)

  • คุณสมบัติ: ใช้เซรามิกหรือพอร์ซเลนที่แข็งแรงและดูเหมือนฟันธรรมชาติ
  • ข้อดี: ทนต่อคราบและสวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ
  • ข้อเสีย: ราคาแพงและอาจต้องทำในห้องปฏิบัติการเฉพาะ

4. อุดฟันด้วยวัสดุแก้วไอออโนเมอร์ (Glass Ionomer)

  • คุณสมบัติ: วัสดุที่ปล่อยฟลูออไรด์เพื่อช่วยป้องกันฟันผุ เหมาะกับฟันน้ำนมหรือบริเวณที่ไม่ได้ใช้แรงบดเคี้ยวมาก
  • ข้อดี: ป้องกันฟันผุในอนาคตได้ดี
  • ข้อเสีย: ไม่แข็งแรงเท่าวัสดุอื่นและสีอาจไม่เหมือนฟันธรรมชาติ

5. อุดฟันด้วยทองคำ (Gold)

  • คุณสมบัติ: ใช้ทองคำในการอุดฟัน มีความแข็งแรงและคงทนมาก
  • ข้อดี: ทนทานมาก และไม่ทำปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อในช่องปาก
  • ข้อเสีย: สีไม่เหมือนฟันธรรมชาติและราคาสูงมาก

การเลือกวัสดุอุดฟัน

การเลือกแบบอุดฟันขึ้นอยู่กับ:

  • ตำแหน่งของฟันที่ผุ (ฟันหน้า/ฟันหลัง)
  • ความต้องการเรื่องความสวยงาม
  • งบประมาณ
  • คำแนะนำจากทันตแพทย์

ปรึกษาทันตแพทย์ก่อนอุดฟันเพื่อเลือกแบบที่เหมาะสมที่สุดกับคุณ!

อุดฟัน 1 ครั้งอยู่ได้กี่ปี

ระยะเวลาที่การอุดฟันจะอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของวัสดุที่ใช้, ตำแหน่งของฟันที่อุด, และการดูแลรักษาช่องปากของคุณเอง โดยทั่วไป:

1. วัสดุอุดแบบอะมัลกัม (Amalgam)

  • อายุการใช้งาน: 10-15 ปี หรือมากกว่านั้น หากดูแลดี
  • ข้อดี: แข็งแรง ทนต่อการบดเคี้ยว
  • ข้อเสีย: อาจมีรอยร้าวในระยะยาว เนื่องจากการขยายตัวของวัสดุเมื่อสัมผัสกับความร้อนและเย็น

2. วัสดุอุดสีเหมือนฟัน (Composite Resin)

  • อายุการใช้งาน: 5-10 ปี
  • ข้อดี: ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับฟันหน้า
  • ข้อเสีย: อาจสึกกร่อนได้เร็วกว่าวัสดุโลหะ โดยเฉพาะในบริเวณที่รับแรงบดเคี้ยวสูง

3. วัสดุแก้วไอออโนเมอร์ (Glass Ionomer)

  • อายุการใช้งาน: 3-5 ปี
  • ข้อดี: ปล่อยฟลูออไรด์ ช่วยป้องกันฟันผุ
  • ข้อเสีย: ไม่ทนต่อแรงบดเคี้ยว เหมาะกับการอุดฟันน้ำนมหรือบริเวณที่ไม่มีแรงกดมาก

4. วัสดุอุดเซรามิก (Ceramic/Porcelain)

  • อายุการใช้งาน: 10-15 ปี หรือมากกว่า
  • ข้อดี: แข็งแรง สวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ
  • ข้อเสีย: ราคาสูง

5. วัสดุอุดทองคำ (Gold)

  • อายุการใช้งาน: 15 ปีขึ้นไป
  • ข้อดี: ทนทานมากและไม่สึกกร่อน
  • ข้อเสีย: ราคาแพงและสีไม่เหมือนฟันธรรมชาติ

ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของการอุดฟัน

  1. ตำแหน่งของฟันที่อุด
    ฟันกรามที่ใช้บดเคี้ยวอาจทำให้อุดฟันสึกหรือหลุดเร็วกว่า
  2. พฤติกรรมการดูแลฟัน
    การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอช่วยยืดอายุการใช้งาน
  3. พฤติกรรมการใช้ฟัน
    การกัดของแข็ง เช่น น้ำแข็งหรือถั่ว อาจทำให้วัสดุอุดฟันเสียหายเร็วขึ้น
  4. สุขภาพช่องปากโดยรวม
    ฟันผุซ้ำหรือปัญหาเหงือกอาจทำให้ต้องเปลี่ยนการอุดฟันเร็วขึ้น

ถ้ารู้สึกว่าการอุดฟันหลุดหรือเสียหาย ควรพบทันตแพทย์ทันทีเพื่อตรวจและซ่อมแซมค่ะ!

อุดฟันเสร็จจะรู้สึกยังไง

หลังจากอุดฟันเสร็จ คุณอาจรู้สึกแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีและประเภทของการอุดฟัน:

ความรู้สึกทันทีหลังอุดฟัน

  1. ชาในบริเวณที่ฉีดยาชา
    หากทันตแพทย์ใช้ยาชาเฉพาะที่ คุณอาจยังรู้สึกชาในบริเวณปาก เหงือก หรือแก้มประมาณ 1-3 ชั่วโมงหลังการรักษา
  2. รู้สึกไม่คุ้นเคยกับฟันที่ถูกอุด
    ฟันที่ถูกอุดอาจมีผิวสัมผัสหรือรูปร่างที่แตกต่างจากก่อนอุด คุณอาจรู้สึกแปลกเมื่อกัดหรือสัมผัสด้วยลิ้น ซึ่งจะคุ้นเคยขึ้นในไม่กี่วัน
  3. เสียวฟันเล็กน้อย
    บางครั้งหลังอุดฟัน โดยเฉพาะเมื่อวัสดุอุดเข้าใกล้ชั้นเนื้อฟัน (dentin) คุณอาจรู้สึกเสียวฟันเมื่อดื่มของเย็น ของร้อน หรือของหวานในช่วงแรก
  4. ความตึงหรืออาการปวดเล็กน้อย
    หากเป็นการอุดฟันที่ลึกหรือฟันที่อยู่ในจุดที่ยากต่อการเข้าถึง อาจรู้สึกปวดหรือตึงเล็กน้อย ซึ่งมักหายไปใน 1-2 วัน

ความรู้สึกระยะยาว

  1. การปรับตัวกับวัสดุอุด
    โดยปกติการอุดฟันจะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองในระยะยาว แต่หากรู้สึกว่าวัสดุอุดสูงเกินไปหรือกัดแล้วไม่สบาย ควรกลับไปพบทันตแพทย์เพื่อปรับแต่งเพิ่มเติม
  2. ไม่มีอาการผิดปกติ
    หากการอุดฟันทำได้ดีและไม่มีปัญหาแทรกซ้อน คุณจะกลับมาใช้งานฟันได้ตามปกติ

ควรระวัง

  • หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวในบริเวณที่อุดฟันใหม่ๆ โดยเฉพาะวัสดุที่ยังไม่เซ็ตตัวเต็มที่ เช่น Composite Resin
  • หากรู้สึกปวดรุนแรง หรือเสียวฟันนานเกิน 1 สัปดาห์ ควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาอื่น เช่น การอักเสบของโพรงประสาทฟัน

สรุปคือ อุดฟันเสร็จใหม่ๆ อาจรู้สึกแปลกนิดหน่อย แต่โดยรวมควรไม่มีอาการเจ็บปวดมาก ถ้ามีอะไรผิดปกติไม่ต้องลังเลที่จะกลับไปหาหมอฟัน!

อุดฟันประกันสังคมอุบล

ข้อควรระวังหลังอุดฟัน

หลังจากอุดฟันเสร็จ มีข้อควรระวังที่ควรปฏิบัติเพื่อป้องกันปัญหาและช่วยให้วัสดุอุดฟันอยู่ได้นานที่สุด:

1. หลีกเลี่ยงการกัดหรือเคี้ยวในบริเวณที่อุดฟัน (ชั่วคราว)

  • หากวัสดุอุดฟันยังไม่แข็งตัวเต็มที่ เช่น Composite Resin หรือ Glass Ionomer ควรรออย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเคี้ยวอาหารที่แข็งหรือเหนียว
  • สำหรับวัสดุอุดโลหะ (Amalgam) ใช้เวลาเซ็ตตัวประมาณ 24 ชั่วโมงเช่นกัน

2. ระมัดระวังการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียว

  • หลีกเลี่ยงการกัดของแข็ง เช่น น้ำแข็ง เม็ดถั่ว หรือขนมที่เหนียว เช่น คาราเมล เพื่อป้องกันวัสดุอุดแตกหรือหลุด

3. หลีกเลี่ยงของร้อนหรือเย็นจัดในช่วงแรก

  • ฟันที่เพิ่งอุดอาจไวต่อความร้อนหรือความเย็น โดยเฉพาะถ้าฟันถูกอุดลึก ควรหลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนจัดหรือเย็นจัดในช่วง 1-2 วันแรก

4. สังเกตอาการผิดปกติ

  • หากรู้สึกว่า วัสดุอุดฟันสูงเกินไป หรือกัดแล้วเจ็บฟัน ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อปรับแต่ง
  • หากมีอาการปวดมาก เสียวฟันนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือวัสดุอุดหลุด ควรรีบไปพบทันตแพทย์

5. ดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ

  • แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันทุกวันเพื่อป้องกันฟันผุในบริเวณอื่น
  • หลีกเลี่ยงการใช้ไม้จิ้มฟันหรือเครื่องมือแหลมไปกระทบวัสดุอุด

6. เข้ารับการตรวจสุขภาพฟันตามนัด

  • พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของวัสดุอุดฟันและสุขภาพช่องปากโดยรวม

7. หลีกเลี่ยงการกัดของแข็งด้วยฟันหน้า

  • สำหรับการอุดฟันหน้า ควรระวังการใช้ฟันหน้าในการกัดอาหารแข็ง เช่น แอปเปิ้ล หรือของอื่นที่อาจทำให้วัสดุอุดเสียหาย

สรุป

การดูแลฟันหลังอุดเป็นสิ่งสำคัญมาก เพียงปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้ ฟันที่อุดจะสามารถใช้งานได้ยาวนาน และช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาในอนาคต!

การใช้สิทธิประกันสังคมอุดฟัน

การใช้สิทธิประกันสังคมเพื่อการอุดฟันในประเทศไทย มีขั้นตอนและเงื่อนไขดังนี้:

สิทธิที่ครอบคลุม

ประกันสังคมครอบคลุมการ อุดฟัน เป็นหนึ่งในบริการทันตกรรมขั้นพื้นฐาน โดยมีเงื่อนไขดังนี้:

  1. จำนวนเงินที่เบิกได้
    ผู้ประกันตนสามารถเบิกค่ารักษาทันตกรรม (รวมอุดฟัน) ได้สูงสุด 900 บาทต่อปี ต่อคน
  2. ค่าใช้จ่ายที่ครอบคลุม
    รวมค่ารักษา เช่น อุดฟัน, ถอนฟัน, ขูดหินปูน ไม่ต้องสำรองจ่าย หากเข้ารักษาในสถานพยาบาลที่อยู่ในเครือข่ายของสำนักงานประกันสังคม

ขั้นตอนการใช้สิทธิ

กรณีไม่ต้องสำรองจ่าย

  1. เลือก สถานพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม (ตรวจสอบรายชื่อได้ที่สำนักงานประกันสังคมหรือเว็บไซต์ประกันสังคม)
  2. แจ้งการใช้สิทธิประกันสังคมที่สถานพยาบาล
  3. แสดงเอกสารประกอบ:
    • บัตรประชาชน
    • บัตรรับรองสิทธิประกันสังคม (ถ้ามี)
  4. รับการรักษาโดยไม่ต้องสำรองจ่าย (หากค่าใช้จ่ายไม่เกิน 900 บาท)

กรณีสำรองจ่าย

  1. หากรักษาในสถานพยาบาลที่ อยู่นอกเครือข่าย คุณต้องจ่ายเงินเองก่อน
  2. ขอเอกสารสำคัญจากสถานพยาบาล:
    • ใบเสร็จรับเงินตัวจริง
    • ใบรับรองแพทย์
  3. ยื่นคำร้องขอเบิกเงินคืนจากสำนักงานประกันสังคม โดยสามารถยื่นออนไลน์ผ่านแอป SSO Connect หรือยื่นเอกสารด้วยตัวเองที่สำนักงานประกันสังคม
  4. รับเงินคืนภายในประมาณ 1-2 สัปดาห์ (ตามขั้นตอนการดำเนินงาน)

ข้อควรรู้

  • การรักษาทันตกรรมที่เกินวงเงิน 900 บาท คุณต้องจ่ายส่วนต่างเอง
  • สิทธิไม่สามารถสะสมข้ามปีได้ หากไม่ใช้สิทธิในปีนั้น จะถือว่าสละสิทธิ
  • หากใช้สิทธิการอุดฟันร่วมกับบริการอื่น (เช่น ขูดหินปูน) วงเงินรวมต้องไม่เกิน 900 บาท

ตรวจสอบสิทธิ

สามารถตรวจสอบสิทธิการใช้บริการได้ผ่าน:

  • เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม
  • แอปพลิเคชัน SSO Connect
  • โทรสายด่วนประกันสังคม 1506

หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิการรักษา อย่าลังเลที่จะสอบถามสำนักงานประกันสังคม!