ฟันผุแบบไหนที่ต้องอุด
ฟันผุที่ต้องอุดจะมีลักษณะดังนี้:
- มีโพรงหรือรู
หากฟันผุจนเกิดโพรงที่สามารถมองเห็นได้หรือรู้สึกได้เมื่อสัมผัสด้วยลิ้น นั่นหมายความว่าชั้นเคลือบฟันถูกทำลายและแบคทีเรียอาจลุกลามสู่ชั้นเนื้อฟัน ควรอุดเพื่อป้องกันการลุกลามไปยังโพรงประสาทฟัน (pulp) ซึ่งอาจทำให้ต้องรักษารากฟันในอนาคต - อาการเสียวฟัน
ฟันที่มีอาการเสียวเมื่อสัมผัสกับของเย็น ของร้อน หรือของหวาน อาจเป็นสัญญาณว่าฟันผุได้เริ่มเข้าสู่ชั้นเนื้อฟัน (dentin) ซึ่งไวต่อความรู้สึก - ผิวฟันเป็นสีดำหรือน้ำตาล
หากสังเกตเห็นสีที่ผิดปกติบนฟัน โดยเฉพาะบริเวณหลุมร่องฟัน อาจเป็นจุดที่ฟันผุเริ่มต้น แม้ว่าจะยังไม่มีรูโหว่ก็ควรอุดเพื่อป้องกันการขยายตัว - รู้สึกเจ็บฟันเป็นระยะ
อาการเจ็บเล็กน้อยที่เกิดขึ้นเมื่อเคี้ยวอาหารหรือกัดสิ่งของแข็ง เป็นอีกสัญญาณของฟันผุที่อาจเริ่มลึกขึ้น - ฟันผุที่ตรวจพบจากทันตแพทย์
บางครั้งฟันผุอาจอยู่ในจุดที่มองไม่เห็น เช่น ระหว่างฟันหรือใต้เหงือก ทันตแพทย์จะตรวจพบได้ผ่านการตรวจสอบด้วยเครื่องมือหรือเอ็กซเรย์ และแนะนำให้อุดเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม
หากมีอาการที่กล่าวมาหรือสงสัยว่าฟันผุ ควรรีบพบทันตแพทย์เพื่อตรวจและรับการรักษาอย่างเหมาะสม เพราะการอุดฟันแต่เนิ่นๆ จะช่วยประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในระยะยาว!
อุดฟันมีกี่แบบ
การอุดฟันมีหลายแบบ ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้และความเหมาะสมของการรักษา โดยแบ่งได้ดังนี้:
1. อุดฟันด้วยวัสดุสีโลหะ (Amalgam)
- คุณสมบัติ: เป็นวัสดุที่มีส่วนผสมของโลหะ เช่น เงิน ทองแดง และปรอท มีความแข็งแรงทนทาน เหมาะกับฟันกรามที่ใช้บดเคี้ยว
- ข้อดี: แข็งแรง ทนต่อแรงกด แรงบด
- ข้อเสีย: สีไม่เหมือนฟันธรรมชาติ และมีข้อกังวลเรื่องความปลอดภัยของปรอทในบางกรณี
2. อุดฟันด้วยวัสดุสีเหมือนฟัน (Composite Resin)
- คุณสมบัติ: เป็นวัสดุเรซินที่สามารถปรับแต่งสีให้เหมือนฟันธรรมชาติ ใช้ในฟันหน้าและฟันหลังที่มองเห็นได้
- ข้อดี: สวยงาม ดูเป็นธรรมชาติ
- ข้อเสีย: อาจไม่ทนทานเท่า Amalgam และราคาอาจสูงกว่า
3. อุดฟันด้วยวัสดุเซรามิก (Ceramic or Porcelain)
- คุณสมบัติ: ใช้เซรามิกหรือพอร์ซเลนที่แข็งแรงและดูเหมือนฟันธรรมชาติ
- ข้อดี: ทนต่อคราบและสวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ
- ข้อเสีย: ราคาแพงและอาจต้องทำในห้องปฏิบัติการเฉพาะ
4. อุดฟันด้วยวัสดุแก้วไอออโนเมอร์ (Glass Ionomer)
- คุณสมบัติ: วัสดุที่ปล่อยฟลูออไรด์เพื่อช่วยป้องกันฟันผุ เหมาะกับฟันน้ำนมหรือบริเวณที่ไม่ได้ใช้แรงบดเคี้ยวมาก
- ข้อดี: ป้องกันฟันผุในอนาคตได้ดี
- ข้อเสีย: ไม่แข็งแรงเท่าวัสดุอื่นและสีอาจไม่เหมือนฟันธรรมชาติ
5. อุดฟันด้วยทองคำ (Gold)
- คุณสมบัติ: ใช้ทองคำในการอุดฟัน มีความแข็งแรงและคงทนมาก
- ข้อดี: ทนทานมาก และไม่ทำปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อในช่องปาก
- ข้อเสีย: สีไม่เหมือนฟันธรรมชาติและราคาสูงมาก
การเลือกวัสดุอุดฟัน
การเลือกแบบอุดฟันขึ้นอยู่กับ:
- ตำแหน่งของฟันที่ผุ (ฟันหน้า/ฟันหลัง)
- ความต้องการเรื่องความสวยงาม
- งบประมาณ
- คำแนะนำจากทันตแพทย์
ปรึกษาทันตแพทย์ก่อนอุดฟันเพื่อเลือกแบบที่เหมาะสมที่สุดกับคุณ!
อุดฟัน 1 ครั้งอยู่ได้กี่ปี
ระยะเวลาที่การอุดฟันจะอยู่ได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของวัสดุที่ใช้, ตำแหน่งของฟันที่อุด, และการดูแลรักษาช่องปากของคุณเอง โดยทั่วไป:
1. วัสดุอุดแบบอะมัลกัม (Amalgam)
- อายุการใช้งาน: 10-15 ปี หรือมากกว่านั้น หากดูแลดี
- ข้อดี: แข็งแรง ทนต่อการบดเคี้ยว
- ข้อเสีย: อาจมีรอยร้าวในระยะยาว เนื่องจากการขยายตัวของวัสดุเมื่อสัมผัสกับความร้อนและเย็น
2. วัสดุอุดสีเหมือนฟัน (Composite Resin)
- อายุการใช้งาน: 5-10 ปี
- ข้อดี: ดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับฟันหน้า
- ข้อเสีย: อาจสึกกร่อนได้เร็วกว่าวัสดุโลหะ โดยเฉพาะในบริเวณที่รับแรงบดเคี้ยวสูง
3. วัสดุแก้วไอออโนเมอร์ (Glass Ionomer)
- อายุการใช้งาน: 3-5 ปี
- ข้อดี: ปล่อยฟลูออไรด์ ช่วยป้องกันฟันผุ
- ข้อเสีย: ไม่ทนต่อแรงบดเคี้ยว เหมาะกับการอุดฟันน้ำนมหรือบริเวณที่ไม่มีแรงกดมาก
4. วัสดุอุดเซรามิก (Ceramic/Porcelain)
- อายุการใช้งาน: 10-15 ปี หรือมากกว่า
- ข้อดี: แข็งแรง สวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ
- ข้อเสีย: ราคาสูง
5. วัสดุอุดทองคำ (Gold)
- อายุการใช้งาน: 15 ปีขึ้นไป
- ข้อดี: ทนทานมากและไม่สึกกร่อน
- ข้อเสีย: ราคาแพงและสีไม่เหมือนฟันธรรมชาติ
ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งานของการอุดฟัน
- ตำแหน่งของฟันที่อุด
ฟันกรามที่ใช้บดเคี้ยวอาจทำให้อุดฟันสึกหรือหลุดเร็วกว่า - พฤติกรรมการดูแลฟัน
การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอช่วยยืดอายุการใช้งาน - พฤติกรรมการใช้ฟัน
การกัดของแข็ง เช่น น้ำแข็งหรือถั่ว อาจทำให้วัสดุอุดฟันเสียหายเร็วขึ้น - สุขภาพช่องปากโดยรวม
ฟันผุซ้ำหรือปัญหาเหงือกอาจทำให้ต้องเปลี่ยนการอุดฟันเร็วขึ้น
ถ้ารู้สึกว่าการอุดฟันหลุดหรือเสียหาย ควรพบทันตแพทย์ทันทีเพื่อตรวจและซ่อมแซมค่ะ!
อุดฟันเสร็จจะรู้สึกยังไง
หลังจากอุดฟันเสร็จ คุณอาจรู้สึกแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละกรณีและประเภทของการอุดฟัน:
ความรู้สึกทันทีหลังอุดฟัน
- ชาในบริเวณที่ฉีดยาชา
หากทันตแพทย์ใช้ยาชาเฉพาะที่ คุณอาจยังรู้สึกชาในบริเวณปาก เหงือก หรือแก้มประมาณ 1-3 ชั่วโมงหลังการรักษา - รู้สึกไม่คุ้นเคยกับฟันที่ถูกอุด
ฟันที่ถูกอุดอาจมีผิวสัมผัสหรือรูปร่างที่แตกต่างจากก่อนอุด คุณอาจรู้สึกแปลกเมื่อกัดหรือสัมผัสด้วยลิ้น ซึ่งจะคุ้นเคยขึ้นในไม่กี่วัน - เสียวฟันเล็กน้อย
บางครั้งหลังอุดฟัน โดยเฉพาะเมื่อวัสดุอุดเข้าใกล้ชั้นเนื้อฟัน (dentin) คุณอาจรู้สึกเสียวฟันเมื่อดื่มของเย็น ของร้อน หรือของหวานในช่วงแรก - ความตึงหรืออาการปวดเล็กน้อย
หากเป็นการอุดฟันที่ลึกหรือฟันที่อยู่ในจุดที่ยากต่อการเข้าถึง อาจรู้สึกปวดหรือตึงเล็กน้อย ซึ่งมักหายไปใน 1-2 วัน
ความรู้สึกระยะยาว
- การปรับตัวกับวัสดุอุด
โดยปกติการอุดฟันจะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บหรือระคายเคืองในระยะยาว แต่หากรู้สึกว่าวัสดุอุดสูงเกินไปหรือกัดแล้วไม่สบาย ควรกลับไปพบทันตแพทย์เพื่อปรับแต่งเพิ่มเติม - ไม่มีอาการผิดปกติ
หากการอุดฟันทำได้ดีและไม่มีปัญหาแทรกซ้อน คุณจะกลับมาใช้งานฟันได้ตามปกติ
ควรระวัง
- หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียวในบริเวณที่อุดฟันใหม่ๆ โดยเฉพาะวัสดุที่ยังไม่เซ็ตตัวเต็มที่ เช่น Composite Resin
- หากรู้สึกปวดรุนแรง หรือเสียวฟันนานเกิน 1 สัปดาห์ ควรรีบพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของปัญหาอื่น เช่น การอักเสบของโพรงประสาทฟัน
สรุปคือ อุดฟันเสร็จใหม่ๆ อาจรู้สึกแปลกนิดหน่อย แต่โดยรวมควรไม่มีอาการเจ็บปวดมาก ถ้ามีอะไรผิดปกติไม่ต้องลังเลที่จะกลับไปหาหมอฟัน!

ข้อควรระวังหลังอุดฟัน
หลังจากอุดฟันเสร็จ มีข้อควรระวังที่ควรปฏิบัติเพื่อป้องกันปัญหาและช่วยให้วัสดุอุดฟันอยู่ได้นานที่สุด:
1. หลีกเลี่ยงการกัดหรือเคี้ยวในบริเวณที่อุดฟัน (ชั่วคราว)
- หากวัสดุอุดฟันยังไม่แข็งตัวเต็มที่ เช่น Composite Resin หรือ Glass Ionomer ควรรออย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนเคี้ยวอาหารที่แข็งหรือเหนียว
- สำหรับวัสดุอุดโลหะ (Amalgam) ใช้เวลาเซ็ตตัวประมาณ 24 ชั่วโมงเช่นกัน
2. ระมัดระวังการเคี้ยวอาหารแข็งหรือเหนียว
- หลีกเลี่ยงการกัดของแข็ง เช่น น้ำแข็ง เม็ดถั่ว หรือขนมที่เหนียว เช่น คาราเมล เพื่อป้องกันวัสดุอุดแตกหรือหลุด
3. หลีกเลี่ยงของร้อนหรือเย็นจัดในช่วงแรก
- ฟันที่เพิ่งอุดอาจไวต่อความร้อนหรือความเย็น โดยเฉพาะถ้าฟันถูกอุดลึก ควรหลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่ร้อนจัดหรือเย็นจัดในช่วง 1-2 วันแรก
4. สังเกตอาการผิดปกติ
- หากรู้สึกว่า วัสดุอุดฟันสูงเกินไป หรือกัดแล้วเจ็บฟัน ควรกลับไปพบแพทย์เพื่อปรับแต่ง
- หากมีอาการปวดมาก เสียวฟันนานเกิน 1 สัปดาห์ หรือวัสดุอุดหลุด ควรรีบไปพบทันตแพทย์
5. ดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ
- แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันทุกวันเพื่อป้องกันฟันผุในบริเวณอื่น
- หลีกเลี่ยงการใช้ไม้จิ้มฟันหรือเครื่องมือแหลมไปกระทบวัสดุอุด
6. เข้ารับการตรวจสุขภาพฟันตามนัด
- พบทันตแพทย์ทุก 6 เดือนเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของวัสดุอุดฟันและสุขภาพช่องปากโดยรวม
7. หลีกเลี่ยงการกัดของแข็งด้วยฟันหน้า
- สำหรับการอุดฟันหน้า ควรระวังการใช้ฟันหน้าในการกัดอาหารแข็ง เช่น แอปเปิ้ล หรือของอื่นที่อาจทำให้วัสดุอุดเสียหาย
สรุป
การดูแลฟันหลังอุดเป็นสิ่งสำคัญมาก เพียงปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้ ฟันที่อุดจะสามารถใช้งานได้ยาวนาน และช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาในอนาคต!
การใช้สิทธิประกันสังคมอุดฟัน
การใช้สิทธิประกันสังคมเพื่อการอุดฟันในประเทศไทย มีขั้นตอนและเงื่อนไขดังนี้:
สิทธิที่ครอบคลุม
ประกันสังคมครอบคลุมการ อุดฟัน เป็นหนึ่งในบริการทันตกรรมขั้นพื้นฐาน โดยมีเงื่อนไขดังนี้:
- จำนวนเงินที่เบิกได้
ผู้ประกันตนสามารถเบิกค่ารักษาทันตกรรม (รวมอุดฟัน) ได้สูงสุด 900 บาทต่อปี ต่อคน - ค่าใช้จ่ายที่ครอบคลุม
รวมค่ารักษา เช่น อุดฟัน, ถอนฟัน, ขูดหินปูน ไม่ต้องสำรองจ่าย หากเข้ารักษาในสถานพยาบาลที่อยู่ในเครือข่ายของสำนักงานประกันสังคม
ขั้นตอนการใช้สิทธิ
กรณีไม่ต้องสำรองจ่าย
- เลือก สถานพยาบาลในเครือข่ายประกันสังคม (ตรวจสอบรายชื่อได้ที่สำนักงานประกันสังคมหรือเว็บไซต์ประกันสังคม)
- แจ้งการใช้สิทธิประกันสังคมที่สถานพยาบาล
- แสดงเอกสารประกอบ:
- บัตรประชาชน
- บัตรรับรองสิทธิประกันสังคม (ถ้ามี)
- รับการรักษาโดยไม่ต้องสำรองจ่าย (หากค่าใช้จ่ายไม่เกิน 900 บาท)
กรณีสำรองจ่าย
- หากรักษาในสถานพยาบาลที่ อยู่นอกเครือข่าย คุณต้องจ่ายเงินเองก่อน
- ขอเอกสารสำคัญจากสถานพยาบาล:
- ใบเสร็จรับเงินตัวจริง
- ใบรับรองแพทย์
- ยื่นคำร้องขอเบิกเงินคืนจากสำนักงานประกันสังคม โดยสามารถยื่นออนไลน์ผ่านแอป SSO Connect หรือยื่นเอกสารด้วยตัวเองที่สำนักงานประกันสังคม
- รับเงินคืนภายในประมาณ 1-2 สัปดาห์ (ตามขั้นตอนการดำเนินงาน)
ข้อควรรู้
- การรักษาทันตกรรมที่เกินวงเงิน 900 บาท คุณต้องจ่ายส่วนต่างเอง
- สิทธิไม่สามารถสะสมข้ามปีได้ หากไม่ใช้สิทธิในปีนั้น จะถือว่าสละสิทธิ
- หากใช้สิทธิการอุดฟันร่วมกับบริการอื่น (เช่น ขูดหินปูน) วงเงินรวมต้องไม่เกิน 900 บาท
ตรวจสอบสิทธิ
สามารถตรวจสอบสิทธิการใช้บริการได้ผ่าน:
- เว็บไซต์สำนักงานประกันสังคม
- แอปพลิเคชัน SSO Connect
- โทรสายด่วนประกันสังคม 1506
หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับสิทธิการรักษา อย่าลังเลที่จะสอบถามสำนักงานประกันสังคม!