ฟันแบบไหนที่ต้องรักษารากฟัน
การรักษารากฟัน (Root Canal Treatment) มักจำเป็นในกรณีที่ฟันมีปัญหารุนแรงและเนื้อเยื่อประสาทฟัน (Pulp) ได้รับความเสียหายหรือติดเชื้อ โดยฟันที่ควรได้รับการรักษารากฟันได้แก่:
- ฟันที่มีอาการปวดรุนแรง
- ปวดมากโดยเฉพาะเวลาเคี้ยวหรือกดที่ฟัน
- ปวดแบบจี๊ดๆ หรือปวดจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
- ฟันที่เสียวฟันมากผิดปกติ
- เสียวฟันมากเมื่อรับประทานอาหารร้อนหรือเย็น และอาการเสียวไม่หายไปหลังจากหยุดสัมผัสความร้อนหรือเย็น
- ฟันที่มีฟันผุลึกจนถึงเนื้อฟันชั้นใน (Pulp)
- หากฟันผุลุกลามเข้าไปถึงโพรงประสาทฟันจะทำให้เกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ
- ฟันที่ติดเชื้อหรือเป็นหนอง
- มีการบวมของเหงือกบริเวณรากฟัน หรือมีหนองไหลออกจากเหงือก
- ฟันที่ได้รับบาดเจ็บหรือแตกหักถึงเนื้อฟันชั้นใน
- เช่น ฟันแตกจนถึงโพรงประสาทฟัน
- ฟันที่มีการรักษาอื่นล้มเหลว
- เช่น ฟันที่เคยอุดหรือครอบฟัน แต่ยังมีอาการปวดรากฟันอยู่
หากคุณมีอาการดังกล่าว ควรไปพบทันตแพทย์เพื่อประเมินและรับการรักษาให้เหมาะสม อย่าปล่อยทิ้งไว้นานเพราะอาจนำไปสู่การสูญเสียฟันได้ในที่สุด
ฟันผุปล่อยไว้นานจะเป็นอะไร
ฟันผุถ้าปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปากและสุขภาพร่างกายอื่นๆ ที่รุนแรงขึ้นได้ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่:
- ฟันผุลุกลามลึก
- ฟันผุจะลุกลามจากชั้นเคลือบฟัน (Enamel) เข้าสู่เนื้อฟัน (Dentin) และไปถึงโพรงประสาทฟัน (Pulp) ทำให้เกิดการปวดฟันและอักเสบ
- อาการปวดฟันรุนแรง
- เมื่อฟันผุถึงโพรงประสาทฟัน จะทำให้เกิดการอักเสบและปวดฟันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเวลารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำร้อน/เย็น
- ติดเชื้อรุนแรง
- การติดเชื้อที่รากฟันอาจทำให้เกิดหนองหรือฝีในช่องปาก (Dental Abscess) ซึ่งอาจแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้ เช่น กระดูกใบหน้า หรือระบบไหลเวียนเลือด
- ฟันแตกหรือหัก
- ฟันผุที่ไม่ได้รักษาอาจทำให้ฟันเปราะและแตกหักได้ง่าย
- สูญเสียฟัน
- หากเนื้อฟันถูกทำลายจนไม่สามารถรักษาได้ อาจจำเป็นต้องถอนฟันซี่นั้นออก
- ผลกระทบต่อฟันข้างเคียง
- การปล่อยให้ฟันผุอยู่ใกล้ฟันซี่อื่นๆ อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายและทำให้ฟันข้างเคียงผุด้วย
- ปัญหาสุขภาพร่างกาย
- การติดเชื้อจากฟันผุที่ไม่ได้รับการรักษาอาจแพร่เข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น เยื่อบุหัวใจอักเสบ (Endocarditis) หรือไซนัสอักเสบ (Sinusitis)
คำแนะนำ
หากรู้ว่ามีฟันผุ ควรรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจและรักษาโดยเร็ว การรักษาในระยะแรกจะง่ายและค่าใช้จ่ายน้อยกว่าปล่อยให้ปัญหาลุกลามจนรุนแรง
รักษารากฟันใช้เวลานานไหม
การรักษารากฟันใช้เวลานานแค่ไหนขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหาและความซับซ้อนของรากฟัน โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 1-3 ครั้งในการรักษา และในแต่ละครั้งอาจใช้เวลาประมาณ 30 นาทีถึง 2 ชั่วโมง ต่อครั้ง รายละเอียดคือ:
ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาในการรักษา
- ความรุนแรงของปัญหา
- ถ้าฟันติดเชื้อรุนแรงหรือมีฝีที่รากฟัน อาจต้องใช้เวลานานกว่าเพื่อจัดการกับการติดเชื้อ
- จำนวนรากฟัน
- ฟันกรามที่มีรากฟันหลายรากจะใช้เวลานานกว่าฟันหน้า ซึ่งมีรากฟันเพียงรากเดียว
- ความซับซ้อนของโครงสร้างรากฟัน
- หากรากฟันโค้งงอหรือมีรูปร่างที่ซับซ้อน จะทำให้การรักษายากและใช้เวลานานขึ้น
- การรักษาต่อเนื่อง
- หากฟันมีการติดเชื้อรุนแรง ทันตแพทย์อาจต้องนัดหลายครั้งเพื่อกำจัดการติดเชื้อให้หมดก่อนปิดรากฟัน
ขั้นตอนการรักษา
- ครั้งแรก
- ทันตแพทย์จะเปิดโพรงฟัน กำจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อ และทำความสะอาดรากฟัน
- อาจใส่ยาฆ่าเชื้อไว้ในรากฟัน และปิดโพรงฟันชั่วคราว
- ครั้งต่อมา
- ทำความสะอาดเพิ่มเติม (ถ้าจำเป็น) และอุดรากฟันด้วยวัสดุถาวร
- การครอบฟัน (ถ้าจำเป็น)
- หลังจากอุดรากฟันเสร็จสมบูรณ์ อาจต้องครอบฟันเพื่อป้องกันฟันแตก ซึ่งเป็นขั้นตอนแยกต่างหาก
คำแนะนำ
- หากไม่มีการติดเชื้อรุนแรง บางกรณีสามารถรักษาเสร็จใน 1 ครั้ง
- ควรนัดหมายและทำตามคำแนะนำของทันตแพทย์เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพและไม่เสียเวลาเพิ่ม
✨ การรักษารากฟันอาจดูยุ่งยาก แต่ช่วยให้คุณเก็บรักษาฟันแท้ไว้ได้ ซึ่งดีกว่าการสูญเสียฟันไปแน่นอน!
รักษารากฟันต้องครอบฟันไหม
การ ครอบฟันหลังรักษารากฟัน เป็นขั้นตอนที่ มักแนะนำ แต่ไม่จำเป็นเสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพฟันและความเหมาะสมของแต่ละกรณี:
เหตุผลที่ควรครอบฟันหลังรักษารากฟัน
- ป้องกันฟันแตก
- ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันจะเปราะและอ่อนแอกว่าฟันปกติ เนื่องจากไม่มีเนื้อเยื่อประสาทฟันและมีการสูญเสียโครงสร้างเนื้อฟันไปบางส่วน การครอบฟันช่วยเสริมความแข็งแรงและลดความเสี่ยงที่ฟันจะแตกหรือหัก
- คืนรูปร่างและการใช้งาน
- การครอบฟันช่วยคืนรูปร่างและการใช้งานของฟัน ทำให้สามารถเคี้ยวอาหารได้เหมือนปกติ
- ปกป้องฟันจากการติดเชื้อซ้ำ
- การครอบฟันช่วยปิดฟันให้มิดชิด ลดโอกาสที่แบคทีเรียจะเข้าสู่ฟันและก่อให้เกิดการติดเชื้อซ้ำ
กรณีที่อาจไม่จำเป็นต้องครอบฟัน
- ฟันหน้า (ฟันตัด)
- ฟันหน้ารับแรงกัดและแรงเคี้ยวไม่มากเหมือนฟันกราม การอุดฟันถาวรอาจเพียงพอ
- ฟันที่มีโครงสร้างแข็งแรงเหลืออยู่มาก
- ถ้าฟันยังคงมีเนื้อฟันส่วนใหญ่และไม่เสียหายมาก การอุดฟันแทนอาจเป็นทางเลือกที่ดี
คำแนะนำ
- ฟันกราม มักต้องการการครอบฟันเพราะใช้เคี้ยวอาหารและรับแรงกดสูง
- ปรึกษาทันตแพทย์เพื่อประเมินว่าในกรณีของคุณควรครอบฟันหรือไม่ การตัดสินใจขึ้นอยู่กับความเสียหายและตำแหน่งของฟัน
✨ ถ้าทำครอบฟัน จะช่วยให้ฟันที่ผ่านการรักษารากฟันใช้งานได้ยาวนานขึ้น และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต! 😊

รักษารากใส่ครอบฟันอยู่ได้กี่ปี
การรักษารากฟันและใส่ครอบฟันสามารถใช้งานได้ 10-20 ปี หรือมากกว่านั้น หากดูแลรักษาอย่างถูกต้อง แต่ความทนทานอาจแตกต่างกันไปตามปัจจัยดังนี้:
ปัจจัยที่ส่งผลต่ออายุการใช้งาน
- คุณภาพของการรักษารากฟัน
- หากรากฟันได้รับการทำความสะอาดและอุดรากฟันอย่างดี โอกาสที่จะเกิดปัญหาติดเชื้อซ้ำจะลดลง
- วัสดุที่ใช้ทำครอบฟัน
- ครอบฟันเซรามิกหรือเซรามิกผสมโลหะ (PFM) มักมีความทนทานสูง
- ครอบฟันโลหะล้วนมีอายุการใช้งานยาวนาน แต่มีข้อเสียในเรื่องความสวยงาม
- ครอบฟันเรซินมักมีราคาถูกกว่า แต่เสื่อมสภาพเร็วกว่า
- การดูแลสุขภาพช่องปาก
- การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาเหงือกและการติดเชื้อซ้ำ
- หลีกเลี่ยงการกัดของแข็ง เช่น น้ำแข็ง หรืออาหารแข็งๆ
- ตำแหน่งของฟัน
- ครอบฟันบริเวณฟันกรามซึ่งรับแรงบดเคี้ยวมากอาจมีอายุสั้นกว่าฟันหน้า
- พฤติกรรมการใช้งานฟัน
- คนที่มีพฤติกรรมกัดฟันหรือเคี้ยวอาหารแข็งบ่อยๆ อาจทำให้ครอบฟันสึกหรอเร็วกว่าปกติ
สัญญาณที่บ่งบอกว่าครอบฟันอาจต้องเปลี่ยน
- ครอบฟันหลวม หรือหลุดออก
- มีอาการปวดหรือเสียวฟันบริเวณที่ใส่ครอบ
- ครอบฟันแตกหรือสึกหรอจนเสียรูปทรง
- มีปัญหาเหงือกรอบๆ ครอบฟัน เช่น บวมแดงหรืออักเสบ
เคล็ดลับยืดอายุการใช้งาน
- แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง และใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำ
- พบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากทุก 6 เดือน
- หลีกเลี่ยงอาหารเหนียวหรือแข็งที่อาจทำให้ครอบฟันเสียหาย
✨ ถ้าดูแลดี ครอบฟันจะอยู่กับคุณไปอีกนาน และช่วยให้คุณใช้งานฟันได้อย่างมั่นใจ!