รีเทนเนอร์ อุบลราชธานี อยากได้แบบไหนเราก็มีให้ สำหรับยิ้มสวยๆ ออกแบบมาเพื่อคุณ นัดปรึกษาคุณหมอได้เลยนะคะ

ใส่รีเทนเนอร์เพื่ออะไร

รีเทนเนอร์ (Retainer) ใช้เพื่อรักษาฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมหลังการจัดฟัน โดยมีวัตถุประสงค์หลักดังนี้:

  1. ป้องกันการเคลื่อนตัวของฟัน: หลังจากจัดฟัน ฟันมีแนวโน้มจะเคลื่อนกลับไปสู่ตำแหน่งเดิมเนื่องจากแรงของเนื้อเยื่อรอบฟันและพฤติกรรมการบดเคี้ยว การใส่รีเทนเนอร์ช่วยควบคุมไม่ให้ฟันเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งอีก
  2. ช่วยให้กระดูกและเนื้อเยื่อรอบฟันปรับตัว: กระดูกและเนื้อเยื่อรอบฟันต้องใช้เวลาในการเสริมสร้างความแข็งแรงรอบฟันในตำแหน่งใหม่ รีเทนเนอร์ช่วยประคองฟันให้อยู่ในตำแหน่งจนกว่ากระดูกจะเสถียร
  3. คงผลลัพธ์ของการจัดฟัน: เพื่อให้ผลการจัดฟันคงอยู่ยาวนาน รีเทนเนอร์ช่วยป้องกันการเสียรูปของฟันที่อาจเกิดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
  4. แก้ปัญหาการสบฟันและความสมดุลของฟัน: ในบางกรณี รีเทนเนอร์ยังช่วยปรับการสบฟันให้สมดุลยิ่งขึ้นหลังจากการจัดฟัน

การใช้งานรีเทนเนอร์จะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของทันตแพทย์ เช่น ใส่ทั้งวันหรือตอนกลางคืนเท่านั้น และควรดูแลรักษารีเทนเนอร์ให้สะอาดอยู่เสมอเพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรีย.

รีเทนเนอร์มีกี่แบบ

รีเทนเนอร์มีหลายแบบ โดยแบ่งตามวัสดุและลักษณะการใช้งานหลักๆ ได้ 2 แบบใหญ่ๆ ดังนี้:

  1. รีเทนเนอร์แบบถอดได้ (Removable Retainers):
    • แบบ Hawley: เป็นรีเทนเนอร์ที่ทำจากลวดและอะคริลิก มีความทนทาน สามารถถอดออกและใส่ได้สะดวก มักใช้สำหรับผู้ที่ต้องการใส่รีเทนเนอร์เป็นระยะเวลานานหรือเพื่อการปรับรูปฟัน
    • แบบ Clear (หรือ Essix): ทำจากพลาสติกใส มักจะเป็นแบบเต็มปากหรือครอบฟันทั้งหมด มีลักษณะเหมือนกับการครอบฟันแบบใส เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้เห็นรีเทนเนอร์
  2. รีเทนเนอร์แบบติดอยู่ (Fixed Retainers):
    • แบบลวดติดฟัน (Bonded Retainers): เป็นลวดบางๆ ที่ติดอยู่ด้านหลังของฟันเพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนที่ ใช้ในกรณีที่ต้องการความคงทนสูงและไม่ต้องการให้ผู้ป่วยถอดรีเทนเนอร์
    • แบบติดตามขากรรไกร: บางครั้งจะมีการติดรีเทนเนอร์ประเภทนี้ไว้ที่ฟันหลังเพื่อรักษาฟันให้คงตำแหน่งในระยะยาว

ทั้งนี้ การเลือกใช้รีเทนเนอร์จะขึ้นอยู่กับคำแนะนำของทันตแพทย์ตามสภาพฟันและความสะดวกของผู้ใส่.

ใส่รีเทนเนอร์ครั้งแรกรู้สึกยังไง

เมื่อใส่รีเทนเนอร์ครั้งแรก คุณอาจรู้สึกถึงอาการต่างๆ ดังนี้:

  1. ความรู้สึกแน่นหรือกดดัน: รีเทนเนอร์อาจทำให้ฟันรู้สึกแน่นหรือมีแรงกดเบาๆ เนื่องจากฟันกำลังปรับตำแหน่งให้คงที่ โดยเฉพาะในช่วงแรกอาจรู้สึกไม่คุ้นเคย
  2. ความไม่สบาย: อาจเกิดอาการเจ็บหรือแสบในช่วงแรกของการใส่รีเทนเนอร์ เนื่องจากฟันและเนื้อเยื่อรอบฟันต้องปรับตัวให้เข้ากับตำแหน่งใหม่
  3. การพูดลำบาก: ในช่วงแรกๆ อาจมีความยากลำบากในการพูด เนื่องจากรีเทนเนอร์อาจขัดขวางการเคลื่อนไหวของลิ้นหรือการออกเสียงบางคำ แต่จะค่อยๆ ปรับตัวให้ดีขึ้น
  4. น้ำลายไหลมากขึ้น: ผู้ที่ใส่รีเทนเนอร์ใหม่อาจรู้สึกมีน้ำลายไหลมากกว่าปกติในช่วงแรกๆ เนื่องจากร่างกายยังไม่คุ้นเคยกับสิ่งที่อยู่ในปาก
  5. การเคลื่อนไหวของฟัน: อาจรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของฟันเล็กน้อยหรือตึง แต่เป็นสัญญาณว่าฟันกำลังปรับตำแหน่ง

อาการเหล่านี้จะค่อยๆ บรรเทาลงเมื่อเวลาผ่านไปและฟันปรับตัวกับการใช้รีเทนเนอร์ คำแนะนำจากทันตแพทย์ในการดูแลรีเทนเนอร์และการใส่เป็นระยะเวลานานจะช่วยให้ความรู้สึกเหล่านี้หายไปในเร็ววัน.

ถอดรีเทนเนอร์ได้ตอนไหน

การถอดรีเทนเนอร์ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของทันตแพทย์ และประเภทของรีเทนเนอร์ที่คุณใช้ โดยทั่วไปสามารถถอดรีเทนเนอร์ได้เมื่อ:

  1. รีเทนเนอร์แบบถอดได้ (Removable Retainers):
    • หลังการจัดฟัน: ทันตแพทย์มักจะแนะนำให้ใส่รีเทนเนอร์ตลอดเวลาหลังจากการจัดฟันในช่วงแรก (โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรก) เพื่อให้ฟันคงที่ในตำแหน่งใหม่
    • ช่วงกลางคืน: เมื่อฟันเริ่มมีความเสถียรและไม่มีการเคลื่อนที่ การใส่รีเทนเนอร์เฉพาะตอนกลางคืนก็อาจเพียงพอ โดยปกติแล้วอาจแนะนำให้ใส่คืนละ 8-12 ชั่วโมง
    • ในระยะยาว: คำแนะนำอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับฟันของแต่ละคน บางคนอาจต้องใส่รีเทนเนอร์ในระยะยาวเพื่อรักษาผลลัพธ์ของการจัดฟัน
  2. รีเทนเนอร์แบบติดอยู่ (Fixed Retainers):
    • ถอดไม่ได้: รีเทนเนอร์แบบติดฟันจะไม่สามารถถอดออกเองได้ เพราะมันติดอยู่กับฟันหลังจากการจัดฟันจนกว่าจะได้รับคำแนะนำจากทันตแพทย์ให้ถอดออก หากไม่จำเป็นต้องถอดออก ติดไว้จนกว่าจะมีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง

คำแนะนำที่ดีที่สุดคือการปรึกษาทันตแพทย์เกี่ยวกับระยะเวลาในการใช้รีเทนเนอร์เพื่อให้แน่ใจว่ารีเทนเนอร์ยังคงทำงานได้ดีและไม่ทำให้ฟันเคลื่อนที่.

ทำความสะอาดรีเทนเนอร์ยังไง

การทำความสะอาดรีเทนเนอร์อย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้รีเทนเนอร์มีอายุการใช้งานยาวนานและไม่สะสมแบคทีเรียที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปาก นี่คือขั้นตอนในการทำความสะอาดรีเทนเนอร์:

1. การล้างด้วยน้ำเปล่า

  • หลังจากถอดรีเทนเนอร์ทุกครั้ง ควรล้างรีเทนเนอร์ด้วยน้ำอุณหภูมิห้อง (ไม่ร้อนเกินไป) เพื่อขจัดคราบอาหารหรือเศษต่างๆ ที่อาจติดอยู่

2. ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม

  • ใช้แปรงสีฟันขนนุ่ม (แปรงที่ไม่ทำลายพื้นผิวของรีเทนเนอร์) แปรงให้ทั่วทั้งด้านในและด้านนอกของรีเทนเนอร์ เพื่อขจัดคราบพลัคและเศษอาหารที่อาจติดอยู่

3. ใช้สบู่อ่อนหรือยาสีฟันที่ไม่ทำให้ขูดขีด

  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมขูดขีดหรือสารฟอกขาว เพราะอาจทำให้รีเทนเนอร์เกิดรอยขีดข่วนได้ ควรใช้สบู่อ่อนหรือยาสีฟันที่ไม่ทำให้พื้นผิวเสียหาย

4. การแช่ในน้ำยาทำความสะอาดรีเทนเนอร์

  • สำหรับการทำความสะอาดอย่างลึกซึ้ง ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรีเทนเนอร์ที่ออกแบบมาเฉพาะ เช่น แท็บเล็ตหรือผงทำความสะอาดรีเทนเนอร์ แช่รีเทนเนอร์ในน้ำอุ่นและน้ำยาทำความสะอาดตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์ (ไม่ควรใช้สารเคมีรุนแรงที่อาจทำให้รีเทนเนอร์เสื่อมสภาพ)

5. หลีกเลี่ยงน้ำร้อนหรือการแช่ในน้ำยาที่มีสารเคมีแรง

  • น้ำร้อนหรือสารเคมีแรงอาจทำให้รีเทนเนอร์เสียรูปหรือแตกหักได้

6. ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

  • ควรทำความสะอาดรีเทนเนอร์ทุกครั้งหลังการใช้งาน เพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรียและกลิ่นไม่พึงประสงค์

การทำความสะอาดรีเทนเนอร์อย่างเหมาะสมจะช่วยให้มันใช้งานได้ดีและคงทนไปนาน.

รีเทนเนอร์แช่น้ำได้ไหม

การแช่รีเทนเนอร์ในน้ำสามารถทำได้ แต่ต้องระวังข้อควรปฏิบัติดังนี้:

  1. แช่น้ำอุณหภูมิห้อง: ควรแช่รีเทนเนอร์ในน้ำอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงการแช่ในน้ำร้อน เพราะน้ำร้อนอาจทำให้รีเทนเนอร์เสียรูปหรือเปลี่ยนลักษณะได้ โดยเฉพาะในรีเทนเนอร์แบบใสหรือแบบที่ทำจากพลาสติก
  2. แช่น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะ: หากต้องการทำความสะอาดรีเทนเนอร์ให้สะอาดลึกขึ้น ควรใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรีเทนเนอร์ที่ออกแบบมาเฉพาะ เช่น แท็บเล็ตหรือผงทำความสะอาดที่ปลอดภัยสำหรับรีเทนเนอร์และแช่ในน้ำอุ่น (ไม่ร้อนเกินไป) ตามคำแนะนำของผลิตภัณฑ์
  3. หลีกเลี่ยงน้ำที่มีคลอรีนหรือสารเคมีแรง: น้ำที่มีคลอรีน (เช่น น้ำในสระว่ายน้ำ) หรือสารเคมีแรงอาจทำให้รีเทนเนอร์เสียหายและเสื่อมสภาพได้

การแช่ในน้ำจะช่วยทำความสะอาดรีเทนเนอร์ได้ดี แต่ควรใช้วิธีที่ระมัดระวังเพื่อไม่ให้รีเทนเนอร์เสื่อมสภาพจากการแช่ในน้ำที่ไม่เหมาะสม.

รีเทนเนอร์ต้องเปลี่ยนทุกกี่ปี

รีเทนเนอร์ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนทุกปี แต่การใช้งานและการเปลี่ยนรีเทนเนอร์ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทของรีเทนเนอร์และสภาพการใช้งาน ดังนี้:

  1. รีเทนเนอร์แบบถอดได้ (Removable Retainers):
    • หากรีเทนเนอร์ยังคงอยู่ในสภาพดีและไม่มีการแตกหักหรือเสียหาย คุณสามารถใช้งานมันได้ต่อไป แต่ควรตรวจสอบและดูแลรักษาเป็นประจำ
    • หากรีเทนเนอร์เริ่มมีรอยขีดข่วนหรือเสียรูป (เช่น จากการใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมขูดขีด) อาจต้องเปลี่ยนใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการคงตำแหน่งฟัน
    • โดยทั่วไปแล้วรีเทนเนอร์แบบถอดได้อาจต้องเปลี่ยนทุก 2-3 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งาน
  2. รีเทนเนอร์แบบติดฟัน (Fixed Retainers):
    • รีเทนเนอร์แบบติดฟันมักจะใช้งานได้ยาวนานกว่าหากไม่มีปัญหาหรือการแตกหัก แต่จะต้องมีการตรวจสอบโดยทันตแพทย์เป็นระยะๆ
    • หากมีการขยับหรือการเสียหายของลวดที่ติดฟัน หรือถ้าฟันเริ่มเคลื่อนที่จากตำแหน่งที่จัดไว้ รีเทนเนอร์อาจต้องได้รับการปรับหรือเปลี่ยน

การตรวจเช็คจากทันตแพทย์ เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณรู้ว่าควรเปลี่ยนรีเทนเนอร์หรือไม่ และหากรีเทนเนอร์มีปัญหาควรเปลี่ยนหรือซ่อมแซมทันทีเพื่อไม่ให้ฟันเคลื่อนที่.

รีเทนเนอร์หลวมเกิดจากอะไร

การที่รีเทนเนอร์หลวมอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ซึ่งรวมถึง:

  1. การปรับตัวของฟัน: หลังการจัดฟัน ฟันยังคงมีการเคลื่อนที่เล็กน้อยในช่วงแรก การปรับตัวของฟันอาจทำให้รีเทนเนอร์หลวมได้ หากฟันเคลื่อนที่จากตำแหน่งที่รีเทนเนอร์เคยปรับไว้
  2. การสึกหรอจากการใช้งาน: รีเทนเนอร์ที่ใช้มาเป็นเวลานานอาจสึกหรอหรือเสื่อมสภาพตามการใช้งาน ทำให้พอดีกับฟันน้อยลงและเกิดอาการหลวม
  3. การใส่หรือถอดรีเทนเนอร์ไม่ถูกต้อง: หากการใส่หรือถอดรีเทนเนอร์เกิดการกระแทกหรือผิดวิธี อาจทำให้รีเทนเนอร์เสียรูปหรือหลวมได้
  4. การเปลี่ยนแปลงในขนาดปากหรือฟัน: หากมีการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างช่องปาก เช่น ฟันมีการขยับออกจากตำแหน่งหรือกระดูกขากรรไกรมีการเปลี่ยนแปลง ก็อาจทำให้รีเทนเนอร์หลวม
  5. การไม่ได้ใส่รีเทนเนอร์ตามคำแนะนำ: หากไม่ใส่รีเทนเนอร์อย่างสม่ำเสมอหรือไม่ใส่ในระยะเวลาที่เหมาะสมตามที่ทันตแพทย์แนะนำ ฟันอาจเคลื่อนที่และทำให้รีเทนเนอร์หลวม

การรีบไปพบทันตแพทย์เพื่อทำการตรวจสอบและปรับหรือเปลี่ยนรีเทนเนอร์จะช่วยป้องกันไม่ให้ฟันเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งและรักษาผลลัพธ์ของการจัดฟัน.

รีเทนเนอร์สีอะไรทำให้ฟันขาว

การเลือกสีรีเทนเนอร์ไม่สามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้โดยตรง เนื่องจากรีเทนเนอร์เองไม่ได้มีคุณสมบัติในการฟอกฟันหรือทำให้ฟันขาว แต่บางสีของรีเทนเนอร์อาจช่วยให้ฟันดูขาวขึ้นหรือสะอาดตาขึ้นได้ในทางจิตวิทยา เนื่องจาก:

  1. รีเทนเนอร์สีใส (Clear Retainers): สีใสสามารถทำให้ฟันดูขาวขึ้นและดูสะอาดตา เพราะมันไม่ขัดขวางการมองเห็นของฟันและให้ลักษณะที่เป็นธรรมชาติ ฟันของคุณจะดูขาวขึ้นเนื่องจากไม่มีสีอื่นมาบดบัง
  2. รีเทนเนอร์สีฟ้าอ่อนหรือสีเทาอ่อน: บางคนเลือกรีเทนเนอร์สีฟ้าอ่อนหรือสีเทาอ่อน เพราะสีเหล่านี้สามารถช่วยให้ฟันดูขาวขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากมีคอนทราสต์ที่ดีเมื่อเทียบกับสีฟันธรรมชาติ
  3. หลีกเลี่ยงสีเข้ม: รีเทนเนอร์ที่มีสีเข้ม เช่น สีดำ หรือสีแดงเข้ม อาจทำให้ฟันดูคล้ำหรือไม่สะอาด เพราะมันจะมีคอนทราสต์ที่มากกับสีฟัน

อย่างไรก็ตาม การดูแลฟันให้ขาวนั้นสำคัญกว่าการเลือกสีรีเทนเนอร์ เช่น การแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ การใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกฟัน หรือการหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้ฟันเหลือง เช่น กาแฟหรือชาฝรั่ง

ใส่รีเทนเนอร์แล้วอมลูกอมขณะใส่ได้ไหม

การใส่รีเทนเนอร์แล้วอมลูกอมไม่แนะนำ เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาต่างๆ เช่น:

  1. การทำให้รีเทนเนอร์เสียหาย: การอมลูกอมหรือการเคี้ยวลูกอมอาจทำให้รีเทนเนอร์เสียรูปหรือแตกหักได้ โดยเฉพาะหากรีเทนเนอร์ทำจากวัสดุที่บอบบาง เช่น รีเทนเนอร์แบบใส (Essix) ที่อาจเกิดการแตกหักหากเคี้ยวหรืออมลูกอมที่แข็งเกินไป
  2. การสะสมของน้ำตาล: ลูกอมส่วนใหญ่มีน้ำตาลที่อาจติดอยู่ที่รีเทนเนอร์และทำให้เกิดคราบหรือแบคทีเรีย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ในปาก หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดฟันผุ
  3. การทำให้ฟันเคลื่อนที่: หากอมลูกอมในระหว่างที่ใส่รีเทนเนอร์ ฟันอาจมีการเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้ เพราะรีเทนเนอร์อาจจะไม่แน่นพอหรือไม่ได้รับแรงกดจากฟันอย่างที่ควร
  4. การบาดเจ็บในช่องปาก: หากลูกอมติดกับรีเทนเนอร์ อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บที่เหงือกหรือส่วนอื่นๆ ในปากได้

หากต้องการอมลูกอม ควรถอดรีเทนเนอร์ออกก่อน และควรทำความสะอาดรีเทนเนอร์หลังการใช้งานเพื่อให้มันยังคงมีประสิทธิภาพในการคงตำแหน่งฟัน.