ครอบฟันเด็กอุบลราชธานี ดูแลฟันให้ลูก มีสุขภาพฟันที่ดีตั้งแต่เริ่ม โดยคุณหมอฟันเด็กเฉพาะทางนะคะ

ครอบฟันเด็กช่วยอะไร

ครอบฟันสำหรับเด็ก หรือที่เรียกว่า “ครอบฟันน้ำนม” เป็นวิธีการรักษาทางทันตกรรมที่ใช้เพื่อปกป้องฟันน้ำนมที่มีปัญหาจากการผุหรือการสึกหรอ โดยเฉพาะในกรณีที่การผุอยู่ในขั้นรุนแรงหรือลึกเกินกว่าจะรักษาด้วยการอุดฟันทั่วไป ประโยชน์ของการครอบฟันเด็กมีดังนี้:

  1. ป้องกันการผุลึกลงไปในฟัน – การครอบฟันช่วยหยุดการผุและป้องกันไม่ให้การผุลุกลามไปถึงโพรงประสาทฟัน ซึ่งจะช่วยลดความเจ็บปวดของเด็กได้
  2. รักษาฟังก์ชันการใช้งานของฟัน – ฟันน้ำนมมีความสำคัญต่อการบดเคี้ยวอาหารและพัฒนาการของเด็ก การครอบฟันจะช่วยรักษาฟังก์ชันการใช้งานของฟันน้ำนมไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่ฟันแท้ขึ้นมาแทน
  3. ช่วยให้ฟันขึ้นเป็นระเบียบ – การครอบฟันจะช่วยรักษารูปทรงของฟันไว้ ซึ่งจะส่งผลให้ฟันแท้ที่ขึ้นมาแทนมีโอกาสขึ้นเป็นระเบียบและไม่ซ้อนเก
  4. ช่วยลดความเสี่ยงในการผุซ้ำ – การครอบฟันจะครอบคลุมพื้นที่ที่เคยมีการผุ ทำให้ลดความเสี่ยงในการเกิดการผุซ้ำอีก
  5. ช่วยในการพูดและการออกเสียง – ฟันน้ำนมมีบทบาทสำคัญในการออกเสียงและการพูด การครอบฟันจะช่วยรักษาโครงสร้างของฟันและช่วยให้เด็กสามารถพัฒนาการพูดได้ดี

การครอบฟันจึงเป็นวิธีการป้องกันและรักษาที่ดีสำหรับเด็กที่มีปัญหาฟันผุและต้องการดูแลให้ฟันมีสุขภาพดีต่อไป

ครอบฟันเด็กจําเป็นไหม

การครอบฟันสำหรับเด็กนั้น จำเป็นหรือไม่ขึ้นอยู่กับสภาพฟันของเด็กและคำแนะนำจากทันตแพทย์ โดยทั่วไปแล้ว การครอบฟันสำหรับเด็กจะจำเป็นในกรณีต่อไปนี้:

  1. ฟันน้ำนมผุมากหรือเสียหายจากการผุ – หากฟันน้ำนมของเด็กมีการผุที่ลึกหรือกว้างมากเกินกว่าจะรักษาด้วยการอุดฟันทั่วไป การครอบฟันจะเป็นวิธีป้องกันฟันจากการผุเพิ่มเติมและลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน
  2. ฟันที่ผ่านการรักษารากฟัน – หากเด็กต้องรักษารากฟันในฟันน้ำนม การครอบฟันจะช่วยป้องกันการแตกหักและเพิ่มความแข็งแรงให้กับฟันที่ได้รับการรักษาราก
  3. ฟันที่มีปัญหาพัฒนาการหรือฟันสึกหรอ – ในบางกรณี ฟันน้ำนมอาจมีโครงสร้างอ่อนแอ หรือมีการสึกหรอมาก การครอบฟันจะช่วยปกป้องฟันเหล่านี้และรักษารูปร่างฟันให้ใช้งานได้จนกว่าจะถึงเวลาฟันแท้ขึ้น
  4. ป้องกันการเกิดความเสียหายเพิ่มเติม – หากมีแนวโน้มว่าฟันน้ำนมที่ผุจะทำให้ฟันแท้ที่กำลังขึ้นเสียหาย การครอบฟันจะช่วยป้องกันการลุกลามและรักษาโครงสร้างในช่องปากเพื่อให้ฟันแท้ขึ้นมาอย่างเป็นระเบียบ

ในกรณีที่การผุหรือความเสียหายไม่รุนแรง อาจไม่จำเป็นต้องครอบฟัน แต่เพื่อความแน่ใจ ควรปรึกษาทันตแพทย์เด็กเพื่อประเมินความจำเป็น และหากฟันน้ำนมผุหรือต้องการการดูแล ก็สามารถวางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้

เด็กจะเริ่มฟันผุตอนกี่ขวบ

ฟันของเด็กสามารถเริ่มผุได้ตั้งแต่อายุ 1-2 ขวบ หากมีพฤติกรรมการดูแลช่องปากที่ไม่เหมาะสม ฟันผุในเด็กเล็กมักจะเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น:

  1. การกินนมขวดก่อนนอน – หากเด็กหลับไปพร้อมกับขวดนมในปาก (โดยเฉพาะนมที่มีน้ำตาลหรือน้ำผลไม้) จะทำให้น้ำตาลสะสมในช่องปาก ซึ่งจะเป็นอาหารของแบคทีเรียและทำให้เกิดฟันผุได้
  2. การรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง – ขนมหวาน ขนมขบเคี้ยว หรือน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูง จะเพิ่มโอกาสในการเกิดฟันผุ โดยเฉพาะหากไม่ดูแลทำความสะอาดช่องปากให้ดี
  3. การดูแลช่องปากไม่เพียงพอ – การแปรงฟันไม่ถูกวิธีหรือไม่ได้แปรงฟันเลยจะทำให้คราบจุลินทรีย์สะสมบนฟัน และทำให้เกิดฟันผุได้ง่าย

เพื่อป้องกันฟันผุในเด็ก คุณพ่อคุณแม่ควรเริ่มดูแลสุขภาพช่องปากของลูกตั้งแต่แรก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเช็ดเหงือกด้วยผ้าชุบน้ำสะอาดตั้งแต่ยังไม่มีฟัน และเริ่มแปรงฟันทันทีที่ฟันซี่แรกขึ้น โดยใช้แปรงสีฟันสำหรับเด็กและยาสีฟันที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ควรพาเด็กไปตรวจฟันกับทันตแพทย์ตั้งแต่อายุประมาณ 1 ขวบ หรือตอนที่ฟันน้ำนมเริ่มขึ้น เพื่อให้คำแนะนำในการดูแลฟันอย่างเหมาะสมและป้องกันการเกิดฟันผุ

เปลี่ยนความกลัวการทำฟันให้เป็นเรื่องสนุก ด้วยบริการครอบฟันเด็กที่ปลอดภัยและออกแบบมาเพื่อความสบายใจของเด็กๆ โดยเฉพาะ ครอบฟันเด็กอุบลราชธานี เหมาะสำหรับฟันน้ำนมที่อ่อนแอ ให้ฟันกลับมาแข็งแรงในทันที คุณหมอของเราพร้อมดูแลด้วยใจ ใส่ใจในทุกขั้นตอน

ครอบฟันเด็กอยู่ได้นานแค่ไหน

การครอบฟันเด็ก หรือการครอบฟันน้ำนม มักถูกออกแบบมาให้มีความทนทานและอยู่ได้จนกว่าฟันน้ำนมซี่นั้นจะหลุดไปตามธรรมชาติ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วครอบฟันเด็กสามารถอยู่ได้ประมาณ 2-5 ปี ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น:

  1. พฤติกรรมการดูแลช่องปากของเด็ก – หากดูแลความสะอาดอย่างดีและหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแข็งหรือหวานมากเกินไป ครอบฟันก็จะอยู่ได้นาน
  2. ตำแหน่งของฟันที่ครอบ – ฟันบางตำแหน่ง เช่น ฟันกราม จะได้รับแรงบดเคี้ยวมากกว่าฟันด้านหน้า ทำให้ครอบฟันในฟันกรามอาจเสื่อมสภาพเร็วกว่า
  3. คุณภาพของวัสดุที่ใช้ในการครอบฟัน – วัสดุที่ใช้ครอบฟันมีหลายประเภท เช่น ครอบฟันสเตนเลส ซึ่งเป็นที่นิยมในฟันน้ำนม เพราะมีความทนทานสูงและปลอดภัยสำหรับเด็ก
  4. พฤติกรรมการใช้งานฟัน – หากเด็กมีพฤติกรรมชอบกัดของแข็งหรือกัดเล็บบ่อย ๆ ก็อาจทำให้ครอบฟันเสียหายเร็วขึ้น

ครอบฟันสำหรับเด็กจะค่อย ๆ ถูกผลักออกเมื่อฟันแท้เริ่มขึ้นมาแทนที่ จึงไม่จำเป็นต้องถอดออกเอง เมื่อฟันน้ำนมซี่นั้นถึงเวลาหลุดตามธรรมชาติ ครอบฟันก็จะหลุดไปพร้อมกับฟัน

การทำครอบฟันเด็กเจ็บไหม

การทำครอบฟันสำหรับเด็กนั้นโดยทั่วไป ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ เนื่องจากทันตแพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่เพื่อให้เด็กไม่รู้สึกระหว่างทำการรักษา กระบวนการทำครอบฟันสำหรับเด็กมักเป็นขั้นตอนที่รวดเร็วและทำอย่างระมัดระวัง เพื่อให้เด็กรู้สึกสบายใจที่สุด

ขั้นตอนการทำครอบฟันมีดังนี้:

  1. ตรวจฟันและเตรียมฟัน – ทันตแพทย์จะทำความสะอาดและขัดผิวฟัน รวมถึงอาจจะมีการปรับแต่งฟันเล็กน้อยเพื่อให้ครอบฟันพอดี ซึ่งขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาไม่นาน
  2. ใช้ยาชาเฉพาะที่ – หากมีการเตรียมฟันที่อาจทำให้เด็กไม่สบาย ทันตแพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่ก่อนเริ่มขั้นตอนเพื่อให้เด็กไม่รู้สึกเจ็บ
  3. ใส่ครอบฟัน – ทันตแพทย์จะใส่ครอบฟันและปรับให้พอดี ฟันจะถูกครอบจนกระทั่งแน่นดีและไม่หลุดง่าย ซึ่งมักใช้เวลาไม่นาน

แม้ว่าการทำครอบฟันเด็กจะไม่เจ็บ แต่เด็กอาจรู้สึกแปลก ๆ ในช่วงแรกเพราะมีสิ่งใหม่ในปาก อย่างไรก็ตาม เด็กส่วนใหญ่จะปรับตัวได้ในเวลาไม่นาน และหากมีการดูแลอย่างเหมาะสม ครอบฟันก็จะอยู่ได้นานและไม่ส่งผลกระทบต่อความสบายในการใช้งาน

ครอบฟันเด็กหลุดซ่อมได้ไหม

หากครอบฟันเด็กหลุด สามารถนำกลับไปให้ทันตแพทย์ซ่อมหรือใส่ใหม่ได้ ทั้งนี้ควรพาเด็กไปพบทันตแพทย์โดยเร็วที่สุด เพราะการปล่อยให้ครอบฟันหลุดไว้นานอาจทำให้ฟันที่เคยได้รับการป้องกันเสี่ยงต่อการผุหรือเสื่อมสภาพเพิ่มเติม

เมื่อครอบฟันหลุดออกมา ทันตแพทย์จะพิจารณาตามสภาพของครอบฟันและฟันดังนี้:

  1. การใส่ครอบฟันเดิมกลับ – หากครอบฟันเดิมยังอยู่ในสภาพดี ทันตแพทย์อาจทำความสะอาดและติดกลับไปบนฟันเดิม
  2. การทำครอบฟันใหม่ – หากครอบฟันเดิมเสียหายหรือไม่พอดี ทันตแพทย์อาจทำครอบฟันใหม่ให้ โดยขั้นตอนนี้อาจใช้เวลาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ครอบฟันใหม่เหมาะสมและใช้งานได้ดี
  3. การประเมินการรักษาเพิ่มเติม – ในกรณีที่ครอบฟันหลุดบ่อยหรือฟันมีการเสื่อมสภาพ ทันตแพทย์อาจพิจารณาการรักษาเพิ่มเติมเพื่อความมั่นใจว่าสุขภาพฟันของเด็กได้รับการดูแลอย่างดี

ควรสอนให้เด็กหลีกเลี่ยงการกัดของแข็งหรือเล่นกับครอบฟันเพื่อช่วยให้ครอบฟันอยู่ได้นานและลดโอกาสการหลุด

ครอบฟันเด็กทําความสะอาดยังไง

การทำความสะอาดครอบฟันสำหรับเด็กควรทำอย่างละเอียดและสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการสะสมของคราบจุลินทรีย์และปัญหาสุขภาพเหงือก วิธีการทำความสะอาดครอบฟันเด็กมีดังนี้:

  1. แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ – ควรแปรงฟันให้เด็กวันละ 2 ครั้ง โดยใช้แปรงสีฟันขนนุ่มและยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ในปริมาณเหมาะสม การแปรงฟันจะช่วยขจัดคราบพลัคและเศษอาหารที่ติดอยู่รอบ ๆ ครอบฟัน
  2. ใช้ไหมขัดฟัน – การใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำช่วยขจัดเศษอาหารที่อาจติดระหว่างครอบฟันและฟันซี่อื่น ๆ โดยเฉพาะบริเวณที่แปรงสีฟันเข้าไม่ถึง
  3. หลีกเลี่ยงอาหารที่เหนียวหรือแข็งมากเกินไป – อาหารที่เหนียวหรือแข็ง เช่น ลูกอมเหนียว หมากฝรั่ง หรือของแข็งอื่น ๆ อาจทำให้ครอบฟันหลุดหรือเสียหายได้ จึงควรให้เด็กรับประทานอาหารที่เหมาะสมเพื่อรักษาสภาพครอบฟัน
  4. บ้วนปากหลังรับประทานอาหาร – การบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดหลังมื้ออาหารจะช่วยลดการสะสมของเศษอาหารรอบ ๆ ครอบฟัน
  5. พบทันตแพทย์เป็นประจำ – ควรพาเด็กไปตรวจสุขภาพช่องปากกับทันตแพทย์เป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อให้ทันตแพทย์ตรวจสภาพครอบฟันและฟันซี่อื่น ๆ รวมถึงให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพฟันเพิ่มเติม

การดูแลครอบฟันเด็กอย่างเหมาะสมไม่เพียงแต่ช่วยให้ครอบฟันอยู่ได้นานขึ้น แต่ยังส่งเสริมสุขภาพช่องปากที่ดีของเด็กในระยะยาว

ครอบฟันเด็กแล้วกินอะไรได้บ้าง

หลังจากที่เด็กทำครอบฟันแล้ว สามารถรับประทานอาหารได้เกือบทุกประเภท แต่ควรระมัดระวังอาหารบางชนิดที่อาจทำให้ครอบฟันหลุดหรือเสียหายได้ อาหารที่เหมาะสมสำหรับเด็กที่ทำครอบฟันมีดังนี้:

  1. อาหารนิ่มและเคี้ยวง่าย – เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ซุป ไข่ต้ม ผักนึ่ง และผลไม้นิ่ม ๆ อย่างกล้วยหรือสตรอว์เบอร์รี ซึ่งไม่ทำให้เกิดแรงกดบนครอบฟันมาก
  2. เนื้อสัตว์ชิ้นเล็ก – เลือกเนื้อสัตว์ที่ปรุงนิ่ม เช่น ไก่ต้ม เนื้อปลานึ่ง หรือตุ๋น แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อให้เคี้ยวง่ายและลดแรงที่ครอบฟัน
  3. ผลิตภัณฑ์นม – เช่น นม โยเกิร์ต หรือชีสนิ่ม ซึ่งเป็นอาหารที่มีประโยชน์และไม่ทำให้ครอบฟันเสียหาย
  4. อาหารที่มีน้ำตาลต่ำ – ควรหลีกเลี่ยงขนมหวานที่มีน้ำตาลสูง เช่น ลูกอม เค้ก หรือช็อกโกแลต ซึ่งอาจทำให้เกิดคราบพลัคสะสมบนครอบฟันได้
  5. ขนมปังหรือแครกเกอร์นิ่ม ๆ – ขนมปังปิ้งที่ไม่แข็งเกินไป หรือแครกเกอร์นิ่ม สามารถรับประทานได้โดยไม่ทำให้ครอบฟันเสียหาย

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง:

  • อาหารเหนียว เช่น หมากฝรั่ง คาราเมล ลูกอมเหนียว ๆ ซึ่งอาจทำให้ครอบฟันหลุดได้
  • อาหารแข็ง เช่น ถั่วแข็ง ข้าวโพดคั่ว น้ำแข็ง หรือลูกอมแข็ง ที่อาจทำให้ครอบฟันแตกหรือเสียหาย
  • อาหารที่มีน้ำตาลสูง เพราะน้ำตาลเป็นอาหารของแบคทีเรียที่ทำให้เกิดคราบพลัคและเพิ่มโอกาสฟันผุบริเวณรอบ ๆ ครอบฟัน

การเลือกอาหารที่เหมาะสมจะช่วยให้ครอบฟันของเด็กมีอายุการใช้งานยาวนานและช่วยให้เด็กสามารถรักษาสุขภาพฟันที่ดีได้

ครอบฟันสีเงินคืออะไร

ครอบฟันสีเงิน หรือที่เรียกว่า ครอบฟันสเตนเลสสตีล (Stainless Steel Crown) เป็นครอบฟันที่ทำจากโลหะสเตนเลสสตีล มีความทนทานและเหมาะสมสำหรับการใช้ครอบฟันน้ำนมในเด็ก เนื่องจากครอบฟันประเภทนี้มีคุณสมบัติที่แข็งแรง ไม่เปราะหรือแตกหักง่าย อีกทั้งยังมีขั้นตอนการทำที่รวดเร็วและคุ้มค่าในการดูแลฟันน้ำนม

ประโยชน์และข้อดีของครอบฟันสีเงิน ได้แก่:

  1. ทนทานต่อการใช้งาน – ครอบฟันสเตนเลสสตีลสามารถทนต่อแรงบดเคี้ยวได้ดี ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับฟันกรามน้ำนมที่ต้องใช้งานหนัก
  2. ราคาประหยัด – ครอบฟันสเตนเลสสตีลมีราคาถูกกว่าครอบฟันวัสดุอื่น ๆ จึงเหมาะกับการใช้งานชั่วคราวในฟันน้ำนม
  3. การติดตั้งที่ง่ายและรวดเร็ว – กระบวนการทำครอบฟันสเตนเลสสตีลไม่ยุ่งยาก สามารถติดตั้งได้รวดเร็ว ซึ่งช่วยลดความเครียดและความไม่สบายใจให้กับเด็ก
  4. ปกป้องฟันที่ได้รับการรักษารากฟันหรือฟันที่ผุมาก – ครอบฟันสีเงินช่วยปกป้องฟันน้ำนมที่ผ่านการรักษารากฟันหรือมีการผุที่รุนแรงได้ดี ลดความเสี่ยงในการแตกหักหรือเสื่อมสภาพ
  5. อยู่ได้นานจนกว่าฟันน้ำนมจะหลุดไปเอง – ครอบฟันสีเงินสามารถอยู่ได้ตลอดอายุของฟันน้ำนมจนกระทั่งฟันแท้ขึ้นมาแทนที่ ทำให้ไม่ต้องถอดหรือเปลี่ยนซ้ำบ่อย ๆ

แม้จะมีสีเงินที่อาจทำให้ฟันดูต่างจากฟันปกติ แต่ความทนทานและความคุ้มค่าของครอบฟันประเภทนี้ทำให้เป็นตัวเลือกที่นิยมใช้ในทันตกรรมเด็ก

ครอบฟันเด็กสีขาว

ครอบฟันเด็กสีขาว หรือที่เรียกว่า ครอบฟันเซรามิกหรือครอบฟันคอมโพสิตเรซิน เป็นครอบฟันที่ทำจากวัสดุที่มีสีใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ จึงดูสวยงามและกลมกลืนกับฟันของเด็กมากกว่าครอบฟันสีเงิน ครอบฟันสีขาวมักถูกใช้กับฟันหน้าในกรณีที่ต้องการความสวยงาม หรือในฟันกรามหากผู้ปกครองต้องการให้ฟันดูเป็นธรรมชาติ

ข้อดีของครอบฟันเด็กสีขาว:

  1. สวยงามและดูเป็นธรรมชาติ – สีของครอบฟันเข้ากับฟันธรรมชาติ ทำให้เด็กมีรอยยิ้มที่ดูดีและเสริมสร้างความมั่นใจ
  2. เหมาะกับฟันหน้า – ครอบฟันสีขาวเป็นที่นิยมสำหรับฟันหน้าที่ต้องการความสวยงามสูง โดยเฉพาะในกรณีที่เด็กมีฟันผุหรือเสียหายที่ฟันด้านหน้า
  3. ทนทานต่อการใช้งาน – ครอบฟันสีขาวในปัจจุบันผลิตจากวัสดุที่มีความทนทานมากขึ้น ทำให้สามารถใช้งานได้ดีแม้ในฟันกราม

ข้อพิจารณา:

  • ราคาสูงกว่า – ครอบฟันสีขาวมักมีราคาสูงกว่าครอบฟันสเตนเลสสตีล
  • ความทนทานต่อการแตก – วัสดุบางชนิดอาจเปราะหรือเสียหายได้หากเคี้ยวอาหารที่แข็งมาก ๆ
  • ขั้นตอนซับซ้อนกว่า – การติดตั้งครอบฟันสีขาวอาจต้องใช้เวลาและขั้นตอนที่ละเอียดมากกว่าครอบฟันสีเงิน

โดยทั่วไปแล้ว การเลือกครอบฟันสีขาวหรือสีเงินขึ้นอยู่กับความต้องการด้านความสวยงามของผู้ปกครองและตำแหน่งของฟันที่ต้องการครอบ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อเลือกครอบฟันที่เหมาะสมกับสุขภาพช่องปากของเด็ก