ฟอกฟันขาวแบบไหนดี
การฟอกฟันขาวมีหลายวิธีให้เลือก ขึ้นอยู่กับความสะดวกและผลลัพธ์ที่ต้องการ นี่คือวิธีที่พบได้บ่อยและข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีค่ะ:
- การฟอกฟันขาวที่คลินิกทันตกรรม
- ข้อดี: ได้ผลรวดเร็ว ฟันขาวขึ้นภายในครั้งเดียว มีทันตแพทย์ดูแลอย่างใกล้ชิด
- ข้อเสีย: มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการฟอกฟันเองที่บ้าน อาจมีอาการเสียวฟันหลังทำในบางกรณี
- การฟอกฟันขาวที่บ้านโดยใช้ผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายทั่วไป
- ข้อดี: ราคาถูกกว่าและสะดวกสบาย สามารถทำได้เองที่บ้าน เช่น แผ่นฟอกฟันขาว หรือเจลฟอกฟันขาวที่มีขายทั่วไป
- ข้อเสีย: ผลลัพธ์อาจไม่เร็วเท่าการทำที่คลินิก และฟันอาจขาวขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้นหากฟันมีสีค่อนข้างเข้ม
- การฟอกฟันขาวที่บ้านโดยใช้ถาดฟอกฟันที่ทันตแพทย์ทำให้
- ข้อดี: ได้ผลดีและสามารถควบคุมระดับการฟอกฟันได้ตามต้องการ และมีประสิทธิภาพสูงกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ขายทั่วไป
- ข้อเสีย: ต้องมีเวลาสวมถาดฟอกฟันตามเวลาที่กำหนดทุกวัน และต้องกลับไปพบทันตแพทย์เพื่อปรับความเข้มของเจลฟอกฟัน
- การใช้ยาสีฟันฟอกฟันขาว
- ข้อดี: ง่ายและสะดวก ราคาไม่สูง เหมาะกับการใช้เป็นประจำ
- ข้อเสีย: ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนในระยะสั้น ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ
หากคุณต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน ควรพิจารณาทำการฟอกฟันขาวที่คลินิกเพื่อผลลัพธ์ที่คงทน แต่ถ้าไม่รีบและต้องการความสะดวก วิธีการทำเองที่บ้านก็เป็นทางเลือกที่ดีค่ะ
ฟอกฟันขาวแบบ Cool light
การฟอกฟันขาวด้วยระบบ Cool Light เป็นวิธีที่นิยมในการทำให้ฟันขาวขึ้นอย่างรวดเร็วและปลอดภัย โดยใช้แสง LED สีฟ้า (แสงเย็น) ร่วมกับน้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง แสงนี้จะกระตุ้นให้น้ำยาฟอกสีฟันทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยขจัดคราบและเม็ดสีที่ทำให้ฟันหมองคล้ำ
ขั้นตอนการฟอกฟันขาวด้วย Cool Light:
- ตรวจสุขภาพช่องปาก: ทันตแพทย์จะตรวจสภาพฟันและเหงือก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหา เช่น ฟันผุ หรือเหงือกอักเสบ
- ทำความสะอาดฟัน: ขจัดคราบหินปูนและคราบสกปรกบนผิวฟัน เพื่อเตรียมฟันสำหรับการฟอกสี
- ป้องกันเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อน: ทาเจลป้องกันหรือใช้วัสดุปิดเหงือก เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยาฟอกสีฟันสัมผัสกับเหงือก
- ทาน้ำยาฟอกสีฟัน: ทาน้ำยาฟอกสีฟันที่ผิวฟัน
- ฉายแสง Cool Light: ฉายแสง LED สีฟ้าไปที่ฟัน เพื่อกระตุ้นการทำงานของน้ำยาฟอกสีฟัน ขั้นตอนนี้อาจทำซ้ำ 1-4 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความเข้มของสีฟันเดิม
- ล้างน้ำยาและตรวจสอบผลลัพธ์: หลังจากเสร็จสิ้นการฉายแสง ล้างน้ำยาออก และตรวจสอบความขาวของฟัน
ข้อดีของการฟอกฟันขาวด้วย Cool Light:
- เห็นผลรวดเร็ว: ฟันขาวขึ้นทันทีหลังทำ
- ปลอดภัย: ทำโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
- ไม่เจ็บปวด: แม้อาจมีอาการเสียวฟันเล็กน้อย แต่จะหายไปภายใน 1-2 วัน
ข้อเสีย:
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่า: เมื่อเทียบกับการฟอกสีฟันเองที่บ้าน
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร: ฟันอาจกลับมาหมองคล้ำได้ หากไม่ดูแลรักษาอย่างเหมาะสม
การดูแลหลังการฟอกฟันขาว:
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม: เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง และซอสต่าง ๆ ในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
- งดสูบบุหรี่: เพราะนิโคตินจะทำให้ฟันกลับมาเหลืองเร็วขึ้น
- รักษาสุขภาพช่องปาก: แปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ
ราคา: ราคาการฟอกฟันขาวด้วย Cool Light จะแตกต่างกันไปตามสถานพยาบาล โดยทั่วไปอยู่ระหว่าง4,000-5,000 บาท
ข้อควรระวัง: การฟอกฟันขาวไม่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปี หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น ฟันผุ เหงือกอักเสบ ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนตัดสินใจทำ
หากคุณสนใจการฟอกฟันขาวด้วย Cool Light ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและรับคำแนะนำที่ถูกต้อง
ฟอกฟันขาวขึ้นกี่ระดับ
การฟอกฟันขาวด้วยวิธี Cool Light สามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้ประมาณ 2-8 ระดับ ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพฟันเดิม ระยะเวลาในการฉายแสง และความเข้มของน้ำยาฟอกสีฟันที่ใช้ โดยทั่วไป คนที่มีคราบบนฟันจากอาหารหรือเครื่องดื่มมักจะเห็นผลชัดเจนกว่าคนที่ฟันเหลืองตามธรรมชาติจากอายุ หรือยาที่รับประทาน
เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมและความคาดหวังของระดับความขาวที่จะได้ค่ะ
ฟอกฟันขาวอยู่ได้นานแค่ไหน
ผลลัพธ์จากการฟอกฟันขาวสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือนถึง 2 ปี ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการดูแลสุขภาพช่องปากของแต่ละบุคคล โดยปัจจัยที่ส่งผลต่อความคงทนของสีฟันหลังฟอกมีดังนี้:
- อาหารและเครื่องดื่ม: การดื่มชา กาแฟ ไวน์แดง น้ำอัดลม หรือการทานอาหารที่มีสีเข้ม จะทำให้ฟันกลับมาหมองคล้ำได้เร็วขึ้น
- การสูบบุหรี่: นิโคตินและสารในบุหรี่สามารถทำให้ฟันเหลืองและมีคราบติดฟัน
- การดูแลสุขภาพช่องปาก: การแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และการบ้วนปากอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยรักษาความขาวของฟันได้นานขึ้น
- การตรวจสุขภาพฟันเป็นประจำ: การพบทันตแพทย์เพื่อทำความสะอาดและขัดคราบสกปรกจะช่วยให้สีฟันคงความขาวได้มากขึ้น
หากต้องการให้ผลลัพธ์อยู่ได้นาน แนะนำให้หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่อาจทำให้ฟันหมองคล้ำและดูแลฟันอย่างสม่ำเสมอค่ะ
ฟอกฟันขาวขึ้นจริงไหม
ใช่ค่ะ การฟอกฟันขาวสามารถทำให้ฟันขาวขึ้นได้จริง โดยเฉพาะวิธีที่ได้รับการทำจากทันตแพทย์หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน การฟอกฟันขาวจะช่วยลดคราบสีที่ติดอยู่บนผิวฟันและทำให้ฟันดูขาวขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะหากมีคราบจากอาหาร เครื่องดื่ม หรือบุหรี่ ผลลัพธ์จะยิ่งชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ความขาวที่ได้อาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับปัจจัยเช่น สีฟันเดิม ความเข้มข้นของน้ำยาฟอกสี และวิธีการที่ใช้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องเลือกวิธีที่ปลอดภัยและปรึกษาทันตแพทย์เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดค่ะ
ฟอกฟันขาวแล้วจะกลับมาเหลืองอีกไหม
ใช่ค่ะ ฟันที่ฟอกขาวแล้วสามารถกลับมาเหลืองได้อีก เนื่องจากสีฟันสามารถเปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการดูแลสุขภาพช่องปาก หากยังคงบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่ทำให้ฟันหมองคล้ำ เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม หรือไวน์แดง และหากสูบบุหรี่ ก็จะทำให้ฟันกลับมาเหลืองได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ การไม่ดูแลช่องปากให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ ก็อาจส่งผลให้ฟันเกิดคราบสะสมและเปลี่ยนสีไปตามธรรมชาติ
เพื่อช่วยรักษาความขาวของฟันให้นานขึ้น แนะนำให้:
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม
- ลดหรือหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- ดูแลช่องปากด้วยการแปรงฟัน ใช้ไหมขัดฟัน และบ้วนปากเป็นประจำ
- พบทันตแพทย์เพื่อตรวจและทำความสะอาดฟันทุก 6 เดือน
การปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้จะช่วยยืดอายุความขาวของฟันหลังจากการฟอกได้ค่ะ
ฟอกฟันขาวมีผลเสียไหม
การฟอกฟันขาวอาจมีผลข้างเคียงหรือผลเสียเล็กน้อยได้ โดยทั่วไปมักเกิดขึ้นชั่วคราวและสามารถจัดการได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละบุคคลและวิธีที่ใช้ในการฟอก ดังนี้ค่ะ:
- อาการเสียวฟัน:
- เป็นอาการที่พบได้บ่อยหลังการฟอกฟันขาว โดยเฉพาะในคนที่มีฟันหรือเหงือกที่ไวต่อความรู้สึก
- อาการเสียวฟันมักจะหายไปเองใน 1-2 วัน แต่หากอาการยังคงอยู่ควรปรึกษาทันตแพทย์
- ระคายเคืองเหงือก:
- น้ำยาฟอกสีฟันที่เข้มข้นอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปากได้
- เพื่อป้องกันผลข้างเคียงนี้ ควรให้ทันตแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญดูแลในการทำฟอกสีฟัน
- ผลลัพธ์ไม่ถาวร:
- สีฟันที่ขาวขึ้นจากการฟอกสีฟันจะไม่ถาวร ฟันอาจกลับมาหมองคล้ำได้หากมีพฤติกรรมที่ส่งผลให้ฟันเปลี่ยนสี เช่น การดื่มชา กาแฟ หรือการสูบบุหรี่
- ฟันอาจเปราะบางขึ้นในระยะสั้น:
- การฟอกฟันขาวบ่อย ๆ โดยเฉพาะด้วยน้ำยาที่เข้มข้น อาจทำให้ฟันเปราะบางขึ้นชั่วคราว จึงควรเว้นระยะในการทำฟอกสีฟันให้เหมาะสม
การฟอกฟันขาวเป็นวิธีที่ปลอดภัยหากทำอย่างถูกต้องและมีการดูแลหลังการฟอก ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อความปลอดภัยและให้แน่ใจว่าเหมาะสมกับสภาพฟันของตนเองค่ะ
ฟอกฟันขาวทำให้ฟันบางลงไหม
การฟอกฟันขาวโดยทั่วไป ไม่ทำให้ฟันบางลง หากทำอย่างถูกวิธีและใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรอง แต่ถ้าทำบ่อยเกินไปหรือใช้น้ำยาฟอกฟันที่มีความเข้มข้นสูงเกินมาตรฐาน อาจทำให้ฟันเสี่ยงต่อการระคายเคืองและทำให้ฟันเปราะบางขึ้นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่จะไม่ทำให้โครงสร้างฟันบางลงถาวรค่ะ
การฟอกฟันขาวเป็นการใช้สารที่ช่วยขจัดคราบสีบนผิวฟัน ไม่ได้ทำให้เนื้อฟันถูกกัดกร่อนออกไป ดังนั้น หากเลือกทำกับทันตแพทย์หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ฟันจะไม่บางลงหรือถูกทำลายอย่างถาวร
เพื่อความปลอดภัย ควรเว้นระยะการฟอกฟันและปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์อย่างเคร่งครัดค่ะ
ฟอกฟันขาวห้ามทำอะไรบ้าง
หลังการฟอกฟันขาว มีบางสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเพื่อรักษาผลลัพธ์และป้องกันไม่ให้ฟันกลับมาหมองคล้ำได้เร็วขึ้นค่ะ:
- หลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มที่มีสีเข้ม:
- เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง น้ำอัดลม ซอสเข้ม ๆ (เช่น ซอสถั่วเหลือง ซอสมะเขือเทศ) อาหารเหล่านี้มีสีที่สามารถติดฟันได้ง่าย ควรหลีกเลี่ยงในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรกหลังการฟอกฟัน
- งดสูบบุหรี่:
- นิโคตินและทาร์ในบุหรี่สามารถทำให้ฟันกลับมาเหลืองและมีคราบได้ ควรงดสูบบุหรี่หลังฟอกฟันและพยายามลดการสูบในระยะยาว
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเป็นกรดสูง:
- เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว และอาหารรสเปรี้ยว เนื่องจากความเป็นกรดอาจทำให้ฟันไวต่อความรู้สึกมากขึ้นหลังการฟอกฟัน
- หลีกเลี่ยงการแปรงฟันทันทีหลังฟอกฟัน:
- หลังการฟอกฟัน ฟันอาจไวต่อความรู้สึกเล็กน้อย ควรรอประมาณ 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงก่อนแปรงฟัน และใช้แปรงที่ขนนุ่มเพื่อลดการระคายเคือง
- งดใช้ยาสีฟันที่มีเม็ดขัดผิว (Whitening Toothpaste ที่มีสารขัดถูสูง):
- หลังฟอกฟันควรหลีกเลี่ยงยาสีฟันที่มีเม็ดขัดผิวสูง เพราะอาจทำให้ฟันเสียวได้มากขึ้นในช่วงแรก
การปฏิบัติตามข้อควรระวังเหล่านี้จะช่วยรักษาผลลัพธ์ของการฟอกฟันขาวได้นานขึ้นและลดอาการระคายเคืองหลังทำค่ะ
ฟอกฟันขาวอันตรายไหม
การฟอกฟันขาว ไม่อันตราย หากทำอย่างถูกวิธีและใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน รวมถึงทำโดยทันตแพทย์หรือภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตาม อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นได้ในบางกรณี เช่น:
- อาการเสียวฟัน:
- หลังฟอกฟันขาว บางคนอาจมีอาการเสียวฟันชั่วคราว โดยเฉพาะคนที่มีฟันหรือเหงือกที่ไวต่อความรู้สึก แต่ส่วนใหญ่จะหายไปภายใน 1-2 วัน
- การระคายเคืองเหงือก:
- น้ำยาฟอกฟันอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเหงือกหรือเนื้อเยื่ออ่อนได้เล็กน้อย แต่ถ้ามีการป้องกันอย่างเหมาะสม ผลข้างเคียงนี้จะไม่รุนแรง
- ฟันอาจเปราะบางชั่วคราว:
- หากทำการฟอกฟันบ่อยเกินไปหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นสูงเกินไป อาจทำให้ฟันเปราะบางขึ้นชั่วคราว แต่ไม่ได้ส่งผลระยะยาวต่อโครงสร้างฟัน
การฟอกฟันขาวจะปลอดภัยที่สุดหากทำโดยทันตแพทย์ เนื่องจากมีการควบคุมปริมาณน้ำยาที่ใช้และการป้องกันที่เหมาะสม อีกทั้งยังสามารถเลือกวิธีการฟอกที่เหมาะกับสภาพฟันของแต่ละบุคคลได้ หากต้องการฟอกฟันขาว ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเพื่อประเมินความเหมาะสมค่ะ