เปลี่ยนรอยยิ้มให้สดใสด้วยการฟอกสีฟัน!
อย่าปล่อยให้สีฟันที่หมองคล้ำทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ
ฟอกสีฟันระบบCool light
ฟอกสีฟันคือ
การฟอกสีฟันคือกระบวนการที่ใช้สารเคมีหรืออุปกรณ์พิเศษในการทำให้ฟันดูขาวขึ้น โดยการกำจัดคราบหรือสีที่เกิดจากอาหาร เครื่องดื่ม การสูบบุหรี่ หรืออายุที่มากขึ้น กระบวนการนี้สามารถทำได้ทั้งที่คลินิกทันตกรรมหรือที่บ้าน โดยมีวิธีหลัก ๆ ดังนี้:
- การฟอกสีฟันในคลินิก: ทันตแพทย์จะใช้สารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (Hydrogen Peroxide) หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ (Carbamide Peroxide) และบางครั้งอาจใช้แสงหรือเลเซอร์เพื่อช่วยเร่งกระบวนการ
- การฟอกสีฟันด้วยตนเองที่บ้าน: โดยใช้ชุดฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นของสารฟอกสีต่ำกว่าที่ใช้ในคลินิก มีทั้งในรูปแบบเจล แผ่นฟอกสีฟัน หรือถาดฟอกสีฟันที่ทันตแพทย์ทำขึ้นเฉพาะบุคคล
การฟอกสีฟันไม่ควรทำบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ฟันไวต่อความรู้สึกหรือทำลายเคลือบฟันได้
ฟอกสีฟันมีกี่ระดับ
การฟอกสีฟันสามารถแบ่งออกได้หลายระดับตามความเข้มข้นของสารฟอกสีและวิธีการที่ใช้ ซึ่งสามารถจัดแบ่งได้เป็น 3 ระดับหลัก ๆ ดังนี้:
1. การฟอกสีฟันแบบพื้นฐาน (Basic Whitening)
- ใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่มีขายตามร้านค้า เช่น ยาสีฟัน แผ่นฟอกสีฟัน หรือผลิตภัณฑ์เสริมความขาวทั่วไป
- มีความเข้มข้นของสารฟอกสีต่ำ ผลลัพธ์จะช้ากว่าและไม่ขาวเท่าการฟอกสีฟันแบบเข้มข้น
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความขาวของฟันเพียงเล็กน้อย หรือป้องกันการเกิดคราบใหม่ ๆ
2. การฟอกสีฟันด้วยตนเองที่บ้าน (At-Home Whitening)
- เป็นการใช้ชุดฟอกสีฟันที่ทันตแพทย์แนะนำหรือออกแบบให้เฉพาะบุคคล โดยมีความเข้มข้นของสารฟอกสีปานกลาง
- ต้องทำการฟอกสีเป็นประจำตามคำแนะนำ เช่น การใส่ถาดฟอกสีฟันหรือแผ่นฟอกสีฟันไว้เป็นเวลา 30 นาที – 1 ชั่วโมงต่อวัน
- ผลลัพธ์จะค่อย ๆ เห็นผลภายใน 1-2 สัปดาห์
3. การฟอกสีฟันในคลินิก (In-Office Whitening)
- การฟอกสีฟันที่คลินิกทันตกรรมโดยทันตแพทย์ โดยใช้สารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงและใช้แสงหรือเลเซอร์ช่วยเร่งกระบวนการ
- เป็นวิธีที่ได้ผลเร็วที่สุด โดยใช้เวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง ฟันสามารถขาวขึ้นได้อย่างชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็วและการฟอกสีที่เข้มข้นกว่าการทำด้วยตนเอง
ในแต่ละระดับการฟอกสีฟัน ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพฟันของแต่ละบุคคล โดยคนที่มีคราบสะสมมากหรือฟันเหลืองมากอาจต้องใช้วิธีที่เข้มข้นกว่าหรือทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
การฟอกสีฟันมีกี่แบบ
การฟอกสีฟันสามารถแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบตามวิธีการและสถานที่ที่ทำการฟอกสีฟัน ซึ่งมีหลัก ๆ ดังนี้:
1. การฟอกสีฟันในคลินิก (In-Office Whitening)
- รายละเอียด: ทันตแพทย์จะทำการฟอกสีฟันให้ในคลินิกโดยใช้สารฟอกสีที่มีความเข้มข้นสูง เช่น ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หรือคาร์บาไมด์เปอร์ออกไซด์ และอาจใช้แสงหรือเลเซอร์ช่วยเร่งกระบวนการ
- ผลลัพธ์: ฟันจะขาวขึ้นอย่างชัดเจนในเวลาอันสั้น (1-2 ชั่วโมง) และสามารถเห็นผลลัพธ์ทันที
- เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการผลลัพธ์รวดเร็วและมีเวลาในการไปคลินิก
2. การฟอกสีฟันด้วยตนเองที่บ้าน (At-Home Whitening Kits)
- รายละเอียด: ใช้ชุดฟอกสีฟันที่ได้รับจากทันตแพทย์หรือผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป ประกอบด้วยเจลฟอกสีและถาดฟอกสีที่ทำขึ้นเฉพาะบุคคล
- ผลลัพธ์: เห็นผลลัพธ์ภายใน 1-2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารฟอกสีและการใช้อย่างต่อเนื่อง
- เหมาะสำหรับ: คนที่สะดวกทำเองที่บ้าน ต้องการฟอกฟันแบบค่อยเป็นค่อยไป
3. การใช้แผ่นฟอกสีฟัน (Whitening Strips)
- รายละเอียด: เป็นแผ่นบาง ๆ ที่มีสารฟอกสีฟันเคลือบอยู่ โดยนำมาแปะบนผิวฟันตามระยะเวลาที่กำหนด (เช่น 30 นาทีต่อวัน) ใช้งานง่ายและหาซื้อได้ทั่วไป
- ผลลัพธ์: ฟันขาวขึ้นใน 1-2 สัปดาห์
- เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการวิธีง่าย ๆ ไม่ยุ่งยากและสะดวกใช้งานที่บ้าน
4. การฟอกสีฟันด้วยยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปาก (Whitening Toothpaste and Mouthwash)
- รายละเอียด: ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารฟอกสีฟันหรือสารทำความสะอาดที่ช่วยลดคราบบนฟัน ใช้ในชีวิตประจำวัน
- ผลลัพธ์: ค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์เมื่อใช้เป็นระยะเวลานาน แต่ไม่ขาวขึ้นอย่างชัดเจนเท่ากับการฟอกสีฟันแบบอื่น
- เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการป้องกันการเกิดคราบใหม่และรักษาความขาวของฟัน
5. การฟอกสีฟันด้วยเลเซอร์ (Laser Whitening)
- รายละเอียด: ใช้แสงเลเซอร์ช่วยเร่งกระบวนการฟอกสี โดยทาสารฟอกสีฟันบนฟันแล้วฉายแสงเลเซอร์เพื่อทำให้สารเคมีทำงานได้ดีขึ้นและเร็วขึ้น
- ผลลัพธ์: ฟันขาวขึ้นในเวลารวดเร็ว เพียงครั้งเดียวก็เห็นผลทันที
- เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการฟันขาวอย่างรวดเร็วและยินดีลงทุนในวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูง
6. การฟอกสีฟันในลักษณะธรรมชาติ (Natural Remedies)
- รายละเอียด: การใช้วัตถุดิบธรรมชาติ เช่น ผงถ่าน น้ำมะนาว หรือเบกกิ้งโซดา เพื่อช่วยขจัดคราบบนฟัน
- ผลลัพธ์: อาจไม่เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและมีความเสี่ยงในการทำลายผิวฟันหากใช้มากเกินไป
- เหมาะสำหรับ: คนที่ต้องการใช้วิธีธรรมชาติ แต่ควรระวังผลกระทบต่อฟันในระยะยาว
สรุป: การฟอกสีฟันมีหลากหลายแบบ ตั้งแต่การทำในคลินิกทันตกรรมจนถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำเองที่บ้าน หรือวิธีธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความต้องการของแต่ละบุคคล
ข้อดีการฟอกสีฟัน
การฟอกสีฟันมีข้อดีหลายประการ โดยเฉพาะในด้านความสวยงามและความมั่นใจส่วนตัว ข้อดีหลัก ๆ ของการฟอกสีฟันได้แก่:
1. เพิ่มความมั่นใจในรอยยิ้ม
- ฟันขาวสว่างทำให้รอยยิ้มดูสดใสและมีความมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องพบปะผู้คนหรือติดต่อสื่อสาร เช่น การสัมภาษณ์งาน งานสังคม หรือการออกสื่อ
2. ช่วยปรับปรุงภาพลักษณ์
- ฟันที่ขาวขึ้นสามารถทำให้ใบหน้าดูสดใสและดูดีขึ้นในภาพรวม เพราะฟันที่ขาวสะอาดทำให้บุคลิกภาพดูดีและดูแลตัวเอง
3. กำจัดคราบจากอาหารและเครื่องดื่ม
- การฟอกสีฟันช่วยลดคราบจากอาหารและเครื่องดื่มที่มีสี เช่น ชา กาแฟ ไวน์แดง หรือบุหรี่ ทำให้ฟันดูขาวขึ้นและสะอาดขึ้น
4. กระบวนการไม่ซับซ้อนและไม่เจ็บปวด
- ส่วนใหญ่แล้วการฟอกสีฟันเป็นกระบวนการที่ไม่ซับซ้อน ใช้เวลารวดเร็ว และไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวด แม้บางคนอาจมีอาการฟันไวต่อความรู้สึกเล็กน้อยหลังทำ แต่จะหายไปภายในเวลาไม่นาน
5. ผลลัพธ์ชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น
- โดยเฉพาะการฟอกสีฟันในคลินิก ผลลัพธ์สามารถเห็นได้ชัดเจนภายใน 1-2 ชั่วโมง ทำให้เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
6. ปรับปรุงความสะอาดและสุขภาพช่องปาก
- แม้ว่าการฟอกสีฟันจะเน้นด้านความงาม แต่การฟอกสีฟันที่ทำภายใต้การดูแลของทันตแพทย์ยังสามารถช่วยให้เราตระหนักถึงการดูแลสุขภาพช่องปากมากขึ้น เช่น การทำความสะอาดฟันให้สม่ำเสมอและหลีกเลี่ยงอาหารที่ก่อให้เกิดคราบ
7. ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของฟัน
- แม้ว่าการฟอกสีฟันจะไม่สามารถป้องกันฟันผุหรือปัญหาทางสุขภาพฟันอื่น ๆ ได้ แต่การฟอกสีฟันที่เหมาะสมและการดูแลฟันหลังการฟอกสามารถช่วยลดความเสื่อมสภาพของฟันในอนาคต
8. เป็นกระบวนการที่คุ้มค่า
- การฟอกสีฟันเป็นวิธีการปรับปรุงฟันที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับการทำหัตถการทันตกรรมอื่น ๆ ที่ซับซ้อนกว่า เช่น การทำครอบฟันหรือการเคลือบฟัน (Veneers)
สรุป: การฟอกสีฟันไม่เพียงแต่ช่วยให้ฟันขาวขึ้น แต่ยังเสริมความมั่นใจ ปรับปรุงภาพลักษณ์ และช่วยรักษาสุขภาพช่องปากไปพร้อมกัน
ข้อเสียการฟอกสีฟัน
การฟอกสีฟันถึงแม้จะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อเสียและความเสี่ยงบางประการที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจทำ ข้อเสียหลัก ๆ ของการฟอกสีฟันได้แก่:
1. ฟันไวต่อความรู้สึก
- การฟอกสีฟันอาจทำให้ฟันมีความไวต่อความร้อนและความเย็นมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 24-48 ชั่วโมงหลังทำ ซึ่งอาการนี้อาจคงอยู่เพียงชั่วคราว แต่บางคนอาจมีอาการนานกว่านั้น
2. ระคายเคืองเหงือก
- สารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงอาจทำให้เหงือกระคายเคืองหรือเกิดแผลได้หากสัมผัสกับเหงือกโดยตรง แต่ปัญหานี้มักเป็นชั่วคราวและจะหายไปเมื่อหยุดใช้สารฟอกสีฟัน
3. ผลลัพธ์ไม่ถาวร
- การฟอกสีฟันไม่สามารถให้ผลลัพธ์ถาวรได้ ฟันสามารถกลับมามีคราบหรือสีคล้ำได้อีก หากไม่ดูแลรักษาอย่างเหมาะสม เช่น การดื่มเครื่องดื่มที่มีสีเข้มอย่างกาแฟ ชา หรือไวน์แดง หรือการสูบบุหรี่
4. อาจไม่เหมาะสำหรับทุกคน
- การฟอกสีฟันอาจไม่เหมาะสำหรับคนที่มีฟันผุ เหงือกอักเสบ หรือมีปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น คนที่มีรากฟันหรือเคลือบฟันสึก หรือคนที่มีฟันซี่ที่เคยครอบฟันหรือเคลือบฟันเทียม เพราะสารฟอกสีไม่สามารถเปลี่ยนสีของวัสดุเหล่านี้ได้ ทำให้เกิดความไม่สม่ำเสมอในสีของฟัน
5. ความเสี่ยงในการทำลายเคลือบฟัน
- การฟอกสีฟันที่บ่อยเกินไปหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่ไม่ได้รับคำแนะนำจากทันตแพทย์ อาจทำให้เคลือบฟันบางลง ทำให้ฟันเสี่ยงต่อการผุหรือเสียหายได้
6. ค่าใช้จ่าย
- การฟอกสีฟันโดยเฉพาะในคลินิกทันตกรรมมีค่าใช้จ่ายสูง และหากต้องทำหลายครั้งเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ ค่าใช้จ่ายอาจเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
7. ผลลัพธ์ไม่สม่ำเสมอ
- ในบางกรณี การฟอกสีฟันอาจทำให้สีฟันไม่สม่ำเสมอ ฟันบางซี่อาจขาวขึ้นมากกว่าซี่อื่น โดยเฉพาะฟันที่เคยผ่านการบูรณะหรือซ่อมแซมมาก่อน เช่น ฟันที่เคยครอบฟันหรือฟันที่มีการอุดด้วยวัสดุสีขาว
8. ไม่สามารถขจัดคราบบางประเภทได้
- การฟอกสีฟันอาจไม่สามารถขจัดคราบที่เกิดจากภายในฟัน เช่น คราบจากการใช้ยาบางชนิด (เช่น เตตร้าไซคลีน) หรือคราบจากการบาดเจ็บของฟัน
9. อาจทำให้เกิดปัญหาช่องปากหากใช้อย่างไม่เหมาะสม
- การใช้ผลิตภัณฑ์ฟอกสีฟันที่ไม่ได้มาตรฐานหรือไม่ได้รับการแนะนำจากทันตแพทย์ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพช่องปาก เช่น การฟันสึก การอักเสบของเนื้อเยื่อเหงือก หรือการระคายเคืองภายในช่องปาก
- ยิ้มสวย ยิ้มใส ฟันขาววิ๊ง ฟอกสีฟันอุบล
สรุป:
การฟอกสีฟันมีข้อเสียหลายประการ เช่น ฟันไวต่อความรู้สึก ระคายเคืองเหงือก ผลลัพธ์ไม่ถาวร และอาจทำลายเคลือบฟันหากทำไม่เหมาะสม ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อประเมินความเหมาะสมก่อนตัดสินใจทำ